วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2561

นิเทศนิสิตฝึกสอน_๐๓: โรงเรียนยางตลาดวิทยาคาร ครั้งที่ ๒

วันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๑ ไปนิเทศนิสิตฝึกสอน ในหลักสูตรวิทยาศาสตร์ศึกษา ที่โรงเรียนยางตลาดวิทยาคาร ครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๒ ครั้งแรกได้ให้คำแนะนำไว้ที่นี่  ผม AAR ว่า นิสิตสองคนนี้มีพัฒนาการมาก ทั้งทางบุคลิกภาพและทักษะเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้  จึงมีผลการประเมินการนิเทศดีมาก (อาจจะดูเวอร์ไป แต่เท่าที่สังเกตการประเมินของคนไทย เราแสดงออกทางจิตใจด้วยการประเมินเชิงบวกเสมอ)



ไปคราวนี้ผมเห็นความสุข ความสนุกสนานในชั้นเรียน เห็นแรงบันดาลใจของเด็กๆ มากขึ้น เห็นบรรยายกาศของการควบคุมสั่งการน้อยลง... เรามาถูกทางแล้ว

นิสิตคนที่ ๑ 









  • จุดเด่นที่สุดของนิสิตคนนี้คือ การจัดทำแบบทดสอบ หรือ ข้อสอบเพื่อประเมินผล  ทำได้ดี ตรงประเด็น นิสิตคนอื่นควรจะศึกษาและเอาเป็นแบบอย่าง  นิสิตก็ควรจะส่งผลงานของตนเองออกไปให้เพื่อนๆ เป็นวิทยาทาน งานตัวอย่าง 
  • สิ่งที่พัฒนาขึ้นจากครั้งที่แล้ว
    • บรรยายกาศในชั้นเรียนเป็นไปอย่างผ่อนคลาย และสนุกสนาม มากขึ้น นักเรียนมีส่วนร่วมมากขึ้น  ... ครูฝึกสอนลดปฏิสัมพันธ์ของการควบคุมลง 
    • การออกแบบการสอน การออกแบบสื่อที่ใช้ และการนำมาใช้ในการสื่อสารกับนักเรียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น 
    • มีการแทรกสอน กำกับ กำชับ บ่อยๆ ซ้ำ ย้ำ ทวน เรื่องความปลอดภัย และแนวปฏิบัติในการใช้เครื่องมือเพื่อความปลอดภัยมากขึ้น 
    • การสร้าง "วัฒนธรรมการเรียนรู้" โดยทำ "กิจวัตรการเรียนรู้" ที่ชัดเจนขึ้น คือมีช่วง "เรารู้อะไร" "ช่วงทบทวนความรู้เดิม" ฯลฯ 
    • มีช่วงประเมินผลเรียนรู้  เพื่อให้นักเรียนได้สะท้อนการเรียนรู้ของตนเอง  โดยการตั้งคำถามให้ตอบ 
  • สิ่งที่นิสิตพัฒนาขึ้นใหม่ 
    • การนำ Application "plicker" มาใช้ในการประเมินผลและเช็คชื่อเข้าชั้นเรียน ... น่าสนใจมาก สามารถประเมินและตรวจสอบการมาเรียนด้วยไปในตัว  

  • สิ่งที่นิสิตยังสามารถพัฒนาได้อีก จากที่เคยแนะนำไว้ในครั้งที่แล้ว 
    • การสร้างเงื่อนไขก่อนการเรียนรู้  จากการสังเกตพบว่า นิสิตมีความพยายามที่จะนำ "คะแนน" มาผูกใช้กับการควบคุมพฤติกรรมนักเรียน หรือนำมาใช้ในการเสริมแรง แต่ได้ยกให้เป็นเงื่อนไขตั้งแต่แรก หรือไม่ได้กำหนดให้เป็นกติกา   
    • ระลึกและเน้นเสมอว่า เรากำลังฝึกทักษะกระบวนการ และวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ให้เกิดกับนักเรียน ดังนั้น จึงต้องมี "ช่วงกำหนดปัญหา" "ช่วงตั้งสมมติฐาน" "ช่วงรวบรวมข้อมูล หรือช่วงทดลอง " และ "ช่วงสรุปผลการศึกษา/ทดลอง"   ...  เน้นย้ำแบบนี้ทุกครั้ง นักเรียนจะได้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปใช้กับเรื่องใดๆ ที่ตนจะศึกษา หรือทุกปัญหาที่ต้องการแก้ไข
    • การกำหนดบทบาทหน้าที่ให้ชัดเจนขึ้นในแต่ละกลุ่ม  เพราะจากการสังเกต นักเรียนยังไม่มีทักษะในการจัดการ แบ่งงาน หรือทำงานเป็นทีม  ครูจึงควรเป็นผู้กำหนดให้ก่อน  
  • สิ่งที่อยากจะแนะนำเพิ่มเติม 
    • "รอเวลา" "รอคอย" รอคอยให้นักเรียนสร้างองค์ความรู้ภายในตนเอง  ให้พิจารณาว่า ช่วงเวลาใดจะทิ้งระยะเวลาให้นักเรียนได้ศึกษาด้วยตนเองหรือภายในกลุ่มบ้าง  เช่น  อาจกำหนดช่วงตั้งสมมติฐาน แล้วให้นักเรียนช่วยกันตั้งสมมติฐาน โดยบอกว่า จะให้เวลาสัก ๕ นาที  เมื่อหมดเวลาก็สุ่มให้ลองนำเสนอสั้นๆ ฯลฯ 
    • การสะท้อนการเรียนรู้ (Reflection) แบบเชิงรุก ที่ครูเป็นผู้ตั้งคำถามจี้ไปที่ K ก็ดี เป็นการประเมินผลไปในตัว  แต่สิ่งที่ไม่ควรขาดคือ การสะท้อนการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self - Refleciton)  ดังนั้น ก่อนจะสอบถามหรือประเมิน ควรเปิดโอกาสให้นักเรียนสะท้อนการเรียนรู้ของวันนี้ว่า ได้เรียนรู้อะไรไหม ทำอะไรได้หรือเก่งขึ้น ฯลฯ  (ต้องจัดการเวลา ให้ความสำคัญกับส่วนนี้อย่างน้อย ๕-๑๐ นาที) 
คนที่ ๒ 





  • สิ่งที่ค่อนข้างโดดเด่นของนิสิตคนที่ ๒ คือ การตั้งคำถาม การสอนโดยการตั้งคำถาม ให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการคิดไปเรื่อยๆ  และการวางน้ำเสียงและจังหวะจะโคนในการพูด 
  • สิ่งที่ได้พัฒนาขึ้นจากครั้งที่ ๑ ที่ผ่านมา 
    • จัดการเวลาของแต่ละขั้นตอนของกิจกรรมการเรียนรู้ได้ดีขึ้นมาก
    • มีการเน้นย้ำ ซ้ำ ทวน เรื่องแนวปฏิบัติต่างๆ ด้านความปลอดภัยในการใช้เครื่องมือ 
    • สอนโดยการตั้งคำถาม
    • การสอนมีลักษณะให้นักเรียนได้วิเคราะห์และสังเคราะห์จากการทดลองมากขึ้น  
  • สิ่งใหม่ที่นิสิตพัฒนาตนเองขึ้น
    • ลำดับขั้นของการพูด การสอน การวางน้ำเสียง ความเร็วในการพูด 
    • การเลือกสื่อที่ทำให้ง่ายมากขึ้นสำหรับนักเรียนที่จะเข้าใจได้ ชัดเจน 
    • ลักษณะการสอนให้นักเรียนได้ทดลองด้วยการ "พาทำ" ที่ละขั้นตอน เพื่อลดภาระในการทำความเข้าใจวิธีการขั้นตอนด้วยตนเอง ซึ่งวิธีนี้เหมาะสำหรับนักเรียนที่ไม่ค่อยมีทักษะเรื่องการทดลองทางวิทยาศาสตร์ 
    • นำเข้าสู่บทเรียนได้น่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะการตั้งคำถาม ที่เข้าใจคำถามได้ง่าย แต่ท้าทายมากขึ้น  รู้สึกการติดรูปแบบจะลดลงบ้าง
  • สิ่งที่เคยแนะนำไว้แต่ยังสามารถพัฒนาต่อไปให้ดีกว่านี้ได้อีก
    • ต้องจัดเวลาให้มีการสะท้อนการเรียนรู้  
    • การเขียนศัพท์เฉพาะทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ ควรวงเล็บภาษาอังกฤษไว้ให้คุ้นชิน
    • กระบวนการกลุ่ม คือ การมอบหมายหน้าที่ให้สมาชิกแต่ละกลุ่มให้ชัดเจนขึ้น เพราะจากการสังเกต นักเรียนยังไม่สามารถทำงานเป็นกลุ่มหรือเป็นทีมได้ด้วยตนเอง ... ดังที่ได้แนะนำไว้กับนิสิตคนที่ ๑ 
    • ระลึกเสมอว่า "เรากำลังฝึกทักษะกระบวนการและวิธีการทางวิทยาศาสตร์" ให้กับนักเรียน ดังนั้น ในทุกแผนการเรียนการสอน ต้องเน้นว่า นักเรียนจะต้องได้ฝึกขั้นใดหรือทักษะใด 
  • สิ่งที่นิสิตสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ 
    • การ "รอคอย" การ "ทิ้งช่วงเวลา" ให้นักเรียนได้สร้างองค์ความรู้ขึ้นด้วยตนเอง  หลังจากการตั้งคำถามสำคัญๆ  
จบเท่านี้ครับ  สำคัญที่ "การเรียนรู้" ไม่นิ่งดูดายกับปัญหา "ปัญญาปฏิบัติ" จะมาเอง .... ไว้แลกเปลี่ยนกันต่อไปครับ 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น