ผู้เขียน ต้องการบันทึกข้อสะท้อนกลับ (Feedback) ของตนเอง จากมุมมองของผู้ไปสังเกต เพื่อเป็นประโยชน์ให้นิสิตผู้ฝึกสอนได้นำไปปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรียนรู้ของตนเอง และเผื่อว่า เพื่อนอาจารย์
ศูนย์ฝึกและพัฒนาประสบการณ์วิชีพครู ได้กำหนดคู่มือและเกณฑ์ในการประเมินเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้ตามประเด็นต่างๆ อย่างชัดเจน ผมประเมินและสะท้อนป้อนกลับดัวยวาจากับนิสิตไปทีละข้อ ทีละประเด็นๆ และสรุปเป็นข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ดังนี้
คนที่ ๑
จุดเด่น
- เป็นการสอนที่นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติ เป็นการเรียนรู้จากการลงมือทำ (Learning by Doing) ทำให้นักเรียนได้ฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ อันเป็นหัวใจของการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
- สอนด้วยการตั้งคำถาม นิสิตคนที่ ๑ นี้ ใช้การตั้งถามสลับกับการเฉลยคำตอบ โดยไม่ได้มอบหมายให้เป็นภาระว่านักเรียนต้องตอบออกมาก .... ทุกครั้งที่ตั้งคำถามนิสิตจะได้มีส่วนร่วม (ในใจ) ทันที
- มีการจัดการเรียนรู้บางช่วงด้วยกระบวนการที่นี่แบบซ้ำๆ ทวนทุกๆ ครั้ง จนผู้เรียนเกิดวัฒนธรรมที่ดีในการเรียนรู้ เช่น ช่วงหนึ่งที่นิสิตถามว่า "ก่อนเรียนเป็นช่วงอะไร?" ..... นักเรียนตอบว่า "ช่วงนักเรียนรู้อะไรบ้าง" เพื่อทบทวนความรู้เดิม ก่อนจะเพิ่มความรู้ใหม่
- การสอนเป็นการสอนแบบ "อุปนัย" ที่เน้นให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติ สังเกต และหาคำตอบด้วยตนเอง ภายใต้การ "นำ" ของผู้สอน ผู้สอนเริ่มเปลี่ยนบทบาทจากสอนไปเป็นผู้อำนวยการเรียนรู้มากขึ้น
- เสียงดัง ฟังชัด ดีมาก
- ควรมีการสร้างเงื่อนไข (ทั้งเชิงบวกและเชิงควบคุม) กับผู้เรียนทุกๆ ก่อนเริ่มกระบวนการเรียนรู้ โดยเฉพาะเงื่อนไขด้านความปลอดภัยหรือข้อควรระวังเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ เพื่อป้องกันอันตรายและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
- ควรออกแบบกิจกรรมหรือขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ลองผิดลองถูกด้วยตนเอง (ภายใต้เงื่อนไขตามข้อแรก) เพื่อเอื้อให้ผู้เรียนได้ค้นหาคำตอบ (ความรู้) ด้วยตนเอง ลดกาารบรรยาย หรือสั่งกายให้ทำตามลง ... อาจต้องออกแบบกิจกรรมให้เหมาะสมกับศักยภาพของผู้เรียน ไม่ยากหรือซับซ้อนเกินไป แต่ต้องท้าทายความสามารถ
- เป้าหมายที่สำคัญที่สุดเสมอสำหรับการสอนวิทยาศาสตร์ คือ การฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และวิธีการทางวิชาศาสตร์ให้ผู้เรียน ดังนั้น การสอนวิทยาศาสตร์ต้องเน้นกระบวนการมากกว่าเนื้อหาเสมอ
- ควรใช้กระบวนการกลุ่ม เมื่อมอบงานกลุ่มเสมอ เพื่อเป็นการควบคุมห้องเรียนแบบไม่ให้ผู้เรียนรู้ตัว ครูโดยทั่วไปมักใช้วิธีการเชิงควบคุม (โดยตรง) กับผู้เรียน เช่น ดุ ตะคอก ตะหวาด ทำโทษ เป็นต้น ครูส่วนหนึ่งใช้เทคนิคการเปลี่ยนอารมณ์ คือใช้วิธีเบี่ยงเบนความสนใจผู้เรียน เช่น สั่งให้ปรบมือ ให้นับเลข ฯลฯ ครูจำนวนไม่มากที่ใช้กลยุทธ์ที่แยบยลจนนักเรียนไม่รู้ตัว กระบวนการกลุ่ ม เป็นหนึ่งในกลยุทธ์นี้ เช่น ในการมอบหมายงานกลุ่ม ให้เพิ่มเงื่อนไขเอื้อให้ผู้เรียนมีทุกคนมีบทบาทหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ และมีความสำคัญๆ พอๆ กัน เป็นต้น
- ในการทำการทดลองนั้น ไม่จำเป็นว่า นักเรียนทุกกลุ่มจะต้องทำงานสำเร็จเหมือนกันหมดในครั้งแรก ต้องกันเวลาให้แต่ละกลุ่มได้สะท้อนการเรียนรู้ (Learning Reflection) ของตนเอง และสะท้อนกระบวนการทำงานของกลุ่ม เพื่อให้เกิดพัฒนาการงานกลุ่มดีขึ้นเรื่อยๆ
คนที่ ๒
จุดเด่น
- บุคลิกภาพที่สุขุม นิ่ง พูดจามีจังหวะจะโคน ไม่รน ไม่ร้อน ควบคุมอารมณ์ได้ดี
- เจคติต่อการทำนหน้าที่ครูดีมาก ... สัมผัสถึงความภาคภูมิใจที่จะได้เป็นครู
- การสื่อสารด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน เป็นธรรมชาติ
- ห้องเรียนพร้อม มีเครื่องปรับอากาศ
จุดที่ควรพัฒนา
- การจัดการเวลาในการดำเนินกิจกรรมการเรียนรู้ โดยให้ความสำคัญให้สอดคล้องกับศักยภาพและความสนใจของผู้เรียน
- จัดกระบวนการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับทักษะและความรู้เดิมของผู้เรียน
- สร้างบรรยายกาศให้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างทั่วถึง ควรใช้กระบวนการกลุ่ม ดังได้แนะนำไปแล้วกับคนที่ ๑
- ควรจัดการเรียนรู้แบบอุปนัยให้มากขึ้น
- ในการเขียนบอกคำเฉพาะในฟิสิกส์ ควรวงเล็บภาษาอังกฤษเสมอ
- ในการเขียนอธิบายหรือแสดงวิธีคำนวณในสมการฟิสิกส์ ให้เขียนหน่วยด้วยเสมอ
- ควรมีการทบทวนความรู้เดิมที่เกี่ยวข้องในหน่วย ให้ผู้เรียนได้เห็นภาพรวมด้วยเสมอ
- ต้องจัดเวลาให้มีการสะท้อนการเรียนรู้
- ฯลฯ
การไปนิเทศครั้งถัดไป จะนำเอาประเด็นเหล่านี้ไปถามว่า มีความเห็นอย่างไร หรือได้นำไปพัฒนาปรับปรุงอย่างไรหรือไม่ครับ
สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณคุณครูพี่เลี้ยงทั้งสองท่านครับ ที่ช่วยดูแลและสอนนิสิตที่มาฝึกประสบการณ์อย่างดีเยี่ยม ขอขอบพระคุณครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น