บันทึกที่ (๑) บอกว่า ตำแหน่งที่ตั้งเมืองต่างๆ ในอินเดียและเนปาล ไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่ปรากฎในพระไตรปิฏก ถ้าเรานับถือเถรวาทจริง สิ่งที่แสดงไว้ในอินเดียเนปาลนั้น ไม่ใช่สถานที่จริงของสังเวชณียสถาน
บันทึกที่ (๒)บอกว่า ข้อมูลที่ทีมวิจัยเรื่อง "พระพุทธอุบัติภูมิไม่ใช่ในอินเดียเนปาล แต่อยู่ในสุวรรณภูมิ" นำเสนอ หลายอย่างสอดคล้องกับข้อมูลในพระไตรปิฎก และค่อนข้างชัดเจนว่า บรระบุรุษของประชาชนคนในสุวรรณภูมิขณะนี้ คือผู้ที่อยู่ในแคว้นมคธในตอนนั้น อันเป็นตำแหน่งที่พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น
จากข้อมูลทั้งหมดที่ได้ศึกษา และสรุปมาใน ๒ บันทึกดังกล่าวนั้น สมมติฐานเกี่ยวกับ "พระพุทธอุบัติภูมิ" เป็นไปได้เพียง ๓ แนวทางได้แก่
- ๑) พระพุทธอุบัติภูมิอยู่ที่สุวรรณภูมิ และคนที่อยู่สถานที่พระพุทธศาสนาอุบัติขึ้น ก็คือชาวสุวรรณภูมิในขณะนี้
- ๒) พระพุทธอุบัติภูมิอยู่ที่อินเดียหรือเนปาล หรือศรีลังกา (แต่ไม่ใช่ตรงตามหลักฐานที่ว่ากันในปัจจุบัน) อพยพมาอยู่ที่สุวรรณภูมิสืบสายมาจนบัดนี้
- ๓) พระพุทธอุบัติภูฒิอยู่ที่สุวรรณภูมิ ขยายไปที่อินเดีย ก่อนจะเสื่อมในสุวรรณภูมิ เจริญรุ่งเรืองที่อินเดีย แล้วขยายกลับมาเจริญใหม่ในสุวรรณภูมิ
เรื่องเล่าจากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ผู้ที่บันทึกเรื่องเล่าของหลวงปู่มั่นไว้ และมีผู้นำมาเผยแพร่ทางเว็บไซต์ต่างๆ มากที่สุดคือ หลวงตาทองคำ จารุวัณโณ พระอุปัฏฐากใกล้ชิดหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ในหนังสือชื่อ "รำลึกวันวาน" (อ่านได้ที่นี่)
ขอย้ำอีกครั้งครับว่า การโกหกว่ารู้เห็นเป็นพิเศษ (อุตริมนุษยธรรม คุณวิเศษ) สำหรับพระเป็นหนึ่งในปาราชิก ๔ ที่จะทำให้ผู้พูดหมดจากความเป็นสงฆ์ ... ท่านย่อมไม่โกหก
ผมจับประเด็นจากเรื่องเล่าได้ว่า
- พระเจ้าปเสนทิโกศล มาเกิดเป็นรัชกาลที่ ๔ ของรัตนโกสินทร์ กลับมาฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ตามคำปรารถของพระพุทธเจ้าที่เกล่าวไว้ในสมัยหนึ่งในวัยชราเมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลเข้าเฝ้า
- เมื่อครั้ง ร.๔ ยังครองเพศบรรพชิต (ทรงบวชนานถึง ๒๗ พรรษา) ครั้งหนึ่งทรงเสด็จธุดงค์ไปที่สุโขทัย ทรงได้ไปพักที่ดอนศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งที่ชาวบ้านมาเล่าถวาย และได้พบกับหลักศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงโดยบังเอิญ
- "อันนี้ (ท่านหมายถึงตนเอง)ได้พิจารณาแล้วว่า พระพุทธเจ้าเป็นคนไทย พระอนุพุทธสาวกในยุคพุทธกาล ตลอดถึงยุคปัจจุบัน ล้วนแต่ไทยทั้งนั้น ชนชาติอื่น แม้แต่สรณคมน์และศีล 5 เขาก็ไม่รู้ จะเป็นพระพุทธเจ้าได้อย่างไร ดูไกลความจริงเอามากๆ เราได้เล่าให้เธอฟังแล้วว่า ชนชาติไทย คือ ชาวมคธ รวมรัฐต่างๆ มีรัฐสักกะ เป็นต้น หนีการล้างเผ่าพันธุ์มาในยุคนั้น และชนชาติพม่า คือ ชาวรัฐโกศล เป็นรัฐใหญ่ รวมทั้งรัฐเล็กๆ จะเป็นวัชชี มัลละ เจติ เป็นต้น ก็ทะลักหนีตายจากผู้ยิ่งใหญ่ด้วยโมหะ อวิชชา มาผสมผสานเป็นมอญ (มัลละ) เป็นชนชาติต่างๆ ในพม่าในปัจจุบัน"
- "ของเหล่านี้นั้น ต้องไปตามวาสตามวงศ์ตระกูล อย่างเช่น วงศ์พระพุทธศาสนาของเรานั้น เป็นอริยวาส อริยวงศ์ อริยตระกูล เป็นวงศ์ที่พระพุทธเจ้าจะมาอุบัติ คุณแปลธรรมบทมาแล้ว คำว่า ปุคฺคลฺโล ปุริสาธญฺโญ ลองแปลดูซิว่า พระพุทธจะเกิดในมัชฌิมประเทศ หรืออะไรที่ไหนก็แล้วแต่ จะเป็นที่อินเดีย หรือที่ไหนก็ตาม ทุกแห่งตกอยู่ในห้วงแห่งสังสารวัฏฏ์ ถึงวันนั้นพวกเราอาจจะไปอยู่อินเดียก็ได้"
- เมื่อครั้งมีการทำสังคายนาครั้งที่ ๓ (พ.ศ. ๒๓๖) มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถมาก (พระเจ้าอโศกมหาราช) ดำริว่าพระพุทธศาสนาขณะนั้นกระจุกตัวเฉพาะชมพูทวีป หากมีอันเป็นไปด้วยเภทภัยต่างๆ พระพุทธศาสนาอาจสูญสิ้นได้ จึง(จัดพระสงฆ์เป็น ๙ สาย)ส่งพระโสณะและท่านพระอุตตระมาเผยแผ่ทางดินแดนสุวรรณภูมิ
- สมัยนั้นที่สุวรรณภูมิมีคนอาศัยอยู่แต่จำนวนไม่มาก และมีอันตรายจากสัตว์ร้ายและเภทภัยต่างๆ จุดที่เป็นแหล่งรวมญาติโยมชุมชนและรวมถึงคนแสวงโชคจากชมพูทวีปคือนครปฐมในปัจจุบัน นักแสวงโชคกลับไปบอกญาติๆ ที่ชมพูทวีป จึงเกิดการอพยพกันมาอีก
- พ.ศ. ๕๐๐ - พ.ศ. ๙๐๐ มีชนชาติชาวเปอร์เซียคือแถบตะวันออกกลางเกิดมีลัทธิหนึ่ง ได้จัดขบวนทัพอันเกรียงไกรรุกรานเข้าไปที่ชมพูทวีป เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันอย่างรุนแรงแบบให้สิ้นชาติ ชาวพุทธทั้ง ๗ รัฐหนีตายกันอย่างทุลักทุเล พระสงฆ์เป็นหมื่นๆ ตายเป็นเบือ สถานที่วัดวาอารามราบเรียบเป็นหน้ากลอง เกิดการอพยพครั้งใหญ่ สายที่มาทางสุวรรณภูมิ มีดังนี้
- ชาวรัฐโกศลและรัฐเล็กรัฐน้อย เช่น ลิจฉวี มัลละ ฯลฯ อพยพมาเป็นชาวมัณฑะเลย์ หงสาวดี คือ พม่า มอญ ไทยใหญ่ ในปัจจุบัน
- ชาวมคธรัฐ ซึ่งมีกรุงราชคฤห์เป็นเมืองหลวง อพยพมาเป็นชาวอโยธยา มาเป็นคนไทยในปัจจุบัน
- พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนเป็นพิเศษกับคนไทยและคนพม่าในอดีต พม่าเป็นเมืองเศรษฐีอุปถัมภ์ ส่วนไทยมีพระมหากษัตริย์เป็นเอกอัครสนูปถัมภก พุทธศาสนาจึงอยู่ยาวนานและจะอยู่ต่อไป
- ชาวฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงคืก ไทยอีสานและลาว ก็เป็นชาวราชคฤห์ในแคว้นมคธ เหมือนกับชาวไทย(ในสมัยนี้) ไทยและลาวจึงเป็นเชื้อชาติเดียวกัน แต่ตอนนั้นอพยพหนีตายมาคนละสาย ชาวลาวอพยพเข้าไปทางจีนตอนใต้ คนจีนไม่ยอมรับ เรียกว่า คนป่าคนเถื่อน จึงขับไล่ลงมา จนต้องถอยลงมาอยู่ดินแดนสุวรรณภูมิ มาอยู่แถว ไทย สิบสองจุไทย สิบสองปันนา หนองแส หลวงพระบาง ฯลฯ
- มาตั้งเมืองใหม่คือ "กรุงศรีสัตตนาคนหุต" (เมืองล้านช้าง หลวงพระบางในปัจจุบัน) มีกษัตริย์ปกครอง คือ พระเจ้าโพธิสาร
- พระเจ้าโพธิสารมีโอรส ๒ พระองค์ ทรงส่งพระองค์พี่ขยายอาณาเขตไปตามแม่น้ำโขง มาสร้าง "กรุงจันทบุรีศรีสัตตนาคนหุต" (เวียงจันทร์)
- ส่งพระองค์น้องไปตามแม่น้ำน่าน มาตั้ง "กรุงสุโขทัย" ไปมาหาสู่กับญาติที่นครปฐม
- ชาวมคธบางส่วนหนีตายโดยลงเรือข้ามทะเลไปขึ้นฝั่งที่นครศรีธรรมราช ชาวใต้ทั้งหมดก็เป็นชาวมคธ
- หลวงปู่มั่นบอกว่า สมเด็๗พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เป็นเป็นจอมปราชญ์แห่งยุค ๒,๐๐๐ กว่าปี ในกรุงรัตนโกสินทร์ไม่มีปราชญ์ใดเทียม
พระเจ้าอโศกมหาราช
- พระเจ้าอโศกมหาราชมีชีวิตระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๓-๔
- ทรงทำสังคยานาครั้งที่ ๓ ที่เมืองปาตลีบุตร ในปี พ.ศ. ๒๓๖ ได้คัมภีร์กถาวัตถุ
- ตามตำราของชาวลังกา บอกว่า พระเจ้าอโศกมหาราชส่งสมณะฑูตออกไปเผยแพร่ศาสนาพุทธ ๙ สาย หนึ่งในนั้นคือไปที่ดินแดนสุวรรณภูมิ
- ที่รัฐโอริสสา อดีตแคว้นกาลิคะ มีหลักฐานเป็นเสาหินที่เก่าแก่ที่สุดของพระเจ้าอโศกที่สั่งสอนประชาชนให้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
- แคว้นกะลิงคะนี้เอง ที่พระเจ้าอโศกหันมาศึกษาพระธรรม แล้วเริ่มเผยแผ่ไปทั่วอาณาจักร
- ข้อความหนึ่งเขียนว่า "การชนะที่แท้จริงคือการชนะใจตนเอง"
- พระถังซัมจั๋ง บันทึกไว้ว่า เมือเดินทางไปถึงกะลิงคะ ได้พบสถูปจำนวนมาก
- ตลอดระยะสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราชได้สร้างสถูปเจดีย์และเสาหินไว้จำนวนมาก มีสถูปเจดีย์นับหมื่นแห่งที่พระเจ้าอโศกสร้างขึ้น แต่ยังเหลือในปัจจุบันไม่กี่แห่ง ที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งคือ สถูปสาญจี
- มีหลักฐานมากมายที่แสดงถึงการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระเจ้าอโศกมหาราช เช่น
- สถูปสาญจี เป็นพระมหาสถูป ตั้งอยู่บนเนินเขาสาญจี อยู่ในรัฐมัฐถยะประเทศ
- ภาพต่างๆ ที่พบที่สถูปสาญจี บอกว่า กว่า ๕๐๐ ปีหลังการปรินิพพาน ก็ยังไม่มีการสร้างพระพุทธรูปขึ้น
- ในภาพเล่าตอนแสดงปฐมเทศนาจะใช้แทนพระธรรมจักร
- เมื่อเล่าตอนปรินิพพานก็ใช้ภาพสถูป
- ใช้รูปรอยพระบาทแทนการปรากฎของพระพุทธองค์ในที่ต่างๆ
- ใช้รูปตรีศูนย์และร่มแทนพระพุทธ
- ใช้รูปธรรมจักระแทนพระธรรรม
- ใช้รูปดอกบัวแทนพระสงฆ์
- ใช้รูปต้นโพธิ์แทนพระพุทธเจ้าเมื่อได้ตรัสรู้แล้ว
- มีรอยจารึกบนรั้วหินด้านหนึ่งของสถูปสาญจีว่า พระเจ้าจันทรคุป เป็นผู้ที่นำพระพุทธรูปมาที่สาญจี (๘๐๐ ปี หลังปรินิพพาน)
- หลังจากพุทธศตวรรษที่ ๑๒ เป็นต้นมา ไม่มีร่อยรอยของชุมชนพุทธที่สาญจีอีก
- มีภาพแสดงเหตุการณ์ที่พระเจ้าอโศกเสด็จสักการะพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยาก่อนเดินทางไปเผยแผ่ที่ศรีลังกา
- ไม่มีใครรู้ว่า เกิดอะไรขึ้น รู้แต่ว่า ไม่ได้ถูกทำลายลงเพราะสงคราม เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น??? อาจเป็นเพราะเขาย้ายไปที่อื่น หรือ ถูกกลืนด้วยศาสนาฮินดูไป
- ต่อมาในปี พ.ศ. ๓๕๐ มีการค้นพบหมู่วัดถ้ำอจันตา ที่รัฐมหาราษฎร์ ซึ่งค้นพบเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๖๒ นายทหารชาวอังกฤษชื่อ จอน สมิท ได้ตามล่าเสื่อจนไปพบโดยบังเอิญ หมู่วัดถ้ำอจันตามีอายุกว่า ๑,๕๐๐ ปี เป็นวัดถ้ำ สร้างโดยการแกะสลักหินเข้าไปในภูเขา ในถ้ำมีภาพแกะสลักหิน บอกเรื่องราวต่างๆ ดังนี้
- วัดยุคแรกๆ เป็นวัดเถรวาท หลายถ้ำแกะสลักเป็นห้องบูชา เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ มีเจดีย์อยู่ปลายสุดของห้อง ยังไม่มีการแกะสลักพระพุทธรูปให้เห็น
- พ.ศ.๕๕๐ ไม่พบหลักฐานของพุทธเถรวาทอีก
- พุทธศตวรรษที่ ๑๐ พบการสร้างถ้ำเพิ่ม ไม่ทราบว่า ๔๐๐ ปีที่ไม่มีหลักฐานบอก เกิดอะไรขึ้น
- การสร้างถ้ำเริ่มหลังจากเกิดพุทธมหาญานถึง ๔๐๐ ปี มีการแกะสลักเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ มีภาพเขียนสีที่สวยที่สุดในโลก
- มีถ้ำลักษณะแบบถ้ำอจันตากว่าร้อยๆ ถ้ำ อยู่รอบนครบอมเบย์ไม่ไกลนัก จำนวนกว่า ๑๑๒ ถ้ำ หมู่ถ้ำแห่งหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียตะวันตกคือ หมู่ถ้ำกฤษณะคีรี (Kanhiri Caves) ถ้ำแห่งนี้มีอายุประมาณ ๑,๑๐๐ ปี จากหลักฐานแสดงเส้นแบ่งเวลาระหว่างพระเถรวาทและพระมหายาน เวลาสร้างห่างกันถึง ๔๐๐ ปี เช่นกัน
- สายของพระโสณะและพระอุตตระได้นำเอา "พระพรหมจารสูตร" เพื่อลดทิฐิของคนที่นับถือผีหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ (ข้อมูลนี้ตรงกับพระพุทธสาสน์สุวัณณภูมิ ที่เขียนโดยพระราชกวี (อ่ำ))
- เชื่อว่าพระโสณะและพระอุตตระได้สร้างพระปฐมเจดีย์ทรงบาตรคว่ำ (เหมือนกับเจดีย์ที่สาญจี) ไว้ที่จ.นครปฐมในปัจจุบัน ก่อนที่ท่านจะปรินิพพานใน พ.ศ. ๓๐๐
- มีหลักฐานที่แสดงว่า พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดในพุทธศตวรรษที่ ๙ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่จังหวัดนครปฐมในปัจจุบัน ก็คือยุคทวารวดี
ข้อสังเกต
- มีหลักฐานทางโบราณคดีเก่าแก่ที่สุดในอินเดียไปถึงแค่ ๓๐๐ ปีหลังปรินิพพาน (พ.ศ.๓๐๐) แม้จะมีข่าวใหม่ล่าสุดว่า ที่สวนลุมพินีวัน ที่ประเทศเนปาลจะพบหลักฐานใหม่ (อ่านที่นี่) แต่ก็พิสูจน์ได้เพียงว่า พระพุทธเจ้ามีพระชนม์อยู่ในช่วงเวลาที่สอดคล้องพระไตรปิฎกเท่านั้น
- ช่วงเวลา พ.ศ.๕๐๐ - พ.ศ.๙๐๐ ที่หลวงปู่มั่นเล่าว่า เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ สอดคล้องกับเส้นแบ่งเวลาที่หลักฐานทางประวัติศาสตร์หายไป หรือเส้นแบ่งเวลาระหว่างพุทธเถรวาทและพุทธมหายาน ในหมู่ถ้ำอจันตาและหมู่ถ้ำกฤษณะคีรี ....
- ในหนังสือ "อ้อยต้นจืดปลายหวาน กินนานอร่อย" ของพระธรรมเจดีย์ (ปาน) บอกว่า พ.ศ. ๒๑๙ พระมหินท์เถราจารย์ ได้เผยแผ่พุทธศาสนาออกไปกว้างไกลไปถึงเกาะลังกา ช่วงเวลาร้อยปีก่อนจะมีพระเจ้าอโศกมหาราช และตำแหน่งก็สอดคล้องกันเพราะรัฐโอริสสาอยู่ใกล้กว่าลังกา (ศรีลังกา) เป็นได้ว่า ศาสนาเกิดในดินแดนสุวรรณภูมิ แล้วขยายไปอินเดีย ในช่วงก่อน พ.ศ. ๓๐๐ ก่อนจะขยายใหญ่ไกลไปทั่วในยุคของพระเจ้าอโศก
สรุปและตีความ
หากท่านตามอ่าน บันทึกการศึกษา ในบันทึกที่ผมเขียนมาตามลำดับแล้ว ท่านเห็นว่าอย่างไร ... ผมมีความเห็นว่า อาจเป็นไปได้ว่า พระพุทธอุบัติภูมิเป็นไปตามแนวทางที่ (๓)
- ๓) พระพุทธอุบัติภูฒิอยู่ที่สุวรรณภูมิ ขยายไปที่อินเดีย ก่อนจะเสื่อมในสุวรรณภูมิ เจริญรุ่งเรืองที่อินเดีย แล้วขยายกลับมาเจริญใหม่ในสุวรรณภูมิ
จากการศึกษาผม พบสมมติฐาน มากมาย ที่ผู้รู้ ผู้ดู(แล คือรัฐบาล) ควรจะลงมือศึกษาค้นหาหลักฐานอย่างจริงจัง ดังนี้
- พระพทธอุบัติภูมิเกิดขึ้นที่สุวรรณภูมิ ... ไม่มีหลักฐานวัตถุ มีแต่เรื่องราวในจารึก พงศาวดาร คัมภีร์โบราณ และตำแหน่งเมืองต่างๆ ที่สอดคล้องกับพระไตรปิฎก
- สถานที่ประสูต คือตำแหน่ง พระธาตุศรีสองรัก อ.ด่านซ้าย จ.เลย ... หลักฐานรอการพิสูจน์
- สถานที่ตรัสรู้ในพระไตรปิฎก บอกว่า อยู่ที่ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลา เสนานิคม ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ แม่น้ำเนรัญชราน่าจะเป็นแม่น้ำน่านในปัจจุบัน .... ไม่มีหลักฐานโบราณวัตถุ
- สถานที่แสดงปฐมเทศนา อาจเป็น วัดพระแท่นศิลาอาสน์ อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ ...หลักฐานรอการพิสูจน์.... ในพระไตรปิฎก บอกว่าอยู่ในเมืองพาราณสี (ป่าอิสิปรนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘)
- สถานที่ปรินิพพาน อยู่ที่บริเวณวัดพระแท่นดงรัง อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี .... หลักฐานรอการพิสูจน์
- พุทธศตวรรษที่ ๑-๒ พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองในดินแดนสุวรรณภูมิก่อน แล้วขยายไปกับพ่อค้า (ผู้แสวงโชคชาวอินเดียไปทางเรือ) รุ่งเรืองไปไกลถึง เกาะศรีลังกา จึงเป็นไปได้ว่า ขยายไปถึงนครกาลิงคะ รัฐโอริสสา ศูนย์กลางการขยายพระพุทธศาสนาของพระเจ้าอโศก
- พุทธศตวรรษที่ ๒ ศาสนาเสื่อมที่สุวรรณภูมิ คนย้ายถิ่นฐานไปที่อินเดีย ตั้งชื่อเมืองต่างๆ ตามชื่อเมืองเดิมที่อยู่สุวรรณภูมิ ที่อยู่ในพระไตรปิฎก (เถรวาท) .... ไม่มีหลักฐาน
- พุทธศตวรรษที่ ๒.๓-๓ โดยพระโสณะและพระอุตตระ ทำให้พระพุทธศาสนากลับมาเจริญใหม่ในสุวรรณภูมิ .... มีหลักฐานคือ พระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม
- ช่วงนั้น พระเจ้าอโศกมหาราชเผยแผ่ไปทั่วโลก ในพุทธศตวรรษที่ ๓-๔ โดยเฉพาะที่อินเดียเนปาล .... มีหลักฐานมากมาย ชัดเจน หลักฐานทุกอย่างไม่เก่าเกิน พุทธศตวรรษที่ ๓
- พุทธศตวรรษที่ ๔ - ๘ ศาสนาพุทธเสื่อมที่อินเดีย ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากชาวเปอร์เซีย (อารยัญ) ... มีหลักฐานที่พระเจ้าอโศกจารึกไว้มากมาย
- พุทธศตวรรษที่ ๘ ศาสนาพุทธนิกายมหายานเกิดขึ้น แล้วขยายกลับเข้าไปในอินเดีย.. มีหลักฐานที่หมู่ถ้ำอจันตา และหมู่ถ้ำกฤษณะคีรี
- พอถึง พ.ศ. ๑๐๐๐ เป็นต้นมา ประวัติศาสตร์ชาติต่างๆ ก็เริ่มมีบันทึกไว้มากมายตรงกัน ท่านสนใจลองหาอ่านเองเถิด
นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากการศึกษาและสืบค้นงานนาน ๓ วันของกระผม ท่านเห็นว่าไง โปรดใช้วิจารณญาณเถิด
สุดท้ายนี้ หากผมได้เป็นนายกรัฐมนตรี ผมจะสั่งให้มีการขุดค้น ศึกษา เอาวิทยาการสมัยใหม่ต่างๆ เข้ามา พิสูจน์หาหลักฐานต่างๆ ทันที
ขอจบเท่านี้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น