ท่านบรรยายใน ๓ ประเด็นสำคัญ อันเป็นความรู้เบื้องต้นที่ทุกคนที่จะเข้าไปเรียนรู้เพื่อพัฒนาสังคม โดยเฉพาะการกิจกรรมการเรียนรู้ของรายวิชา "หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน" ได้แก่ ๑) นิยามและความสำคัญ ๒) วิธีการศึกษาชุมชน และจรรยาบรรณในการศึกษาชุมชน
ความหมายของ "ชุมชน" ในบริบทของรายวิชา "หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน"
- ชุมชนมีความหมายที่หลากหลายมาก
- ส่วนใหญ่คนมักนึถถึงภาพชุมชน สิ่งก่อสร้าง หมู่บ้าน
- มาร์วิน อี.โอลเซน บอกว่า ชุมชนคือ "องค์กรทางสังคมประเภทหนึ่ง"
- เออร์วิน ที. แซนเดอร์ส บอกว่า ชุมชน "เป็นกลุ่มบุคคลหลายๆ กลุ่มมารวมกันในบริเวณเดียวกัน ภายใต้กฎหมายหรือข้อบังคับอันเดียวกัน"
- เดนนิส อี. พอพลิน บอกว่า ชุมชนคือ "กลุ่มคนที่มีความร่วมมือกัน มีความรู้สึกเป็นเจ้าของชุมชนร่วมกัน"
- ศาสตราจารย์ สัญญาวิวัฒน์ นักสังคมวิทยาอาวุโสของสังคมไทย ได้ให้ความหมายของชุมชนไว้ว่า "องค์การทางสังคมอย่างหนึ่งที่มีอาณาเขตครอบคลุมท้องถิ่นหนึ่ง ที่ปวงสมาชิกสามารถบรรลุถึงความต้องการพื้นฐานส่วนใหญ่และสามารถแก้ไขปัญหาส่วนใหญ่ในชุมชนของตนเองได้"
- ศาตราจารย์ นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโสของสังคมไทย ได้ให้ความหมายว่า " การที่คนจำนวนหนึ่งมีวัตถุประสงค์ร่วมกัน มีความเอื้ออาทรต่อกัน มีความพยายามทำอะไรร่วมกัน มีการรับรู้ร่วมกันซึ่งรวมถึงการติดต่อสื่อสารกัน
- การนิยามความหมายมาจากหลายศาสตร์ ได้แก่
- ภูมิศาสตร์ คือ มีอาณาเขต อาณาบริเวณ พื้นที่
- สังคมวิทยา คือ ความสัมพันธ์ของคน วัฒนธรรม วิถีชีวิต แบบแผนการดำเนินชีวิต
- มานุษยวิทยา คือ มีอุดมการณ์ จิตวิญญาณ และเป้าหมายในการพัฒนาร่วมกัน
- จิตวิทยา คือ การมีสำนึกร่วมกัน มีความรู้สึกเป็นพี่เป็นน้องกัน
- ความหมายในทัศนะเดิม (ชุมชนร่วมสมัย) มักเข้าใจว่าชุมชนคือ หมู่บ้าน ซึ่งมีคน ความสัมพันธ์ของคน และมีพื้นที่ๆ ชัดเจน หรือสรุปว่า ชุมชนคือ "กลุ่มคนที่มาอยู่ร่วมกันในเขตหรือบริเวณเดียวกัน มีวิถีการดำเนินชีวิต มีปฏิสัมพันธ์ต่อกันและกัน อยู่ภายใต้กฎระเบียบหรือกฎเกณฑ์ทางสังคมเดียวกัน
- เมื่อมีมีความเจริญรุ่งเรือง "ชุมชน" ไม่ได้หมายถึงชุมชนในลักษณะหมู่บ้านแล้ว วิถีชีวิตของคนในชุมชนที่เปลี่ยนไป ชุมชนมีลักษณะแตกต่างกัน แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ตามลักษณะความสัมพันธ์ของคน คือ ชุมชนชนบทและชุมชนเมือง
- ชุมชนชนบท เป็นชุมชนที่ประชุากรยังไม่หนาแน่น อาจแบ่งเป็นสองลักษณะคือ ชุมชนชนบทแบบดั้งเดิมที่คนในชุมชนมีอาชีพและฐานะทางเศรษฐกิจคล้ายคลึงกัน และชุมชนชนบททั่วไป ที่ผู้คนต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพมากขึ้น มีความต้องการผลิต มีการกู้ยืมเงิน ฯลฯ เริ่มเกิดความแตกต่างหลากหลายด้านอาชีพและฐานะทางการเงินมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ชุมชนแบบนี้จะมีการดำเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจเลี้ยงตนเอง
- ชุมชนเมือง เป็นชุมชนที่มีความหนาแน่นของประชากรมาก คนมีการแบ่งแยก บุกรุกและกระจายออกจากศูนย์กลางของเมือง เป็นชุมชนที่มีพลวัตรสูง คือมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว มักเป็นชุมชนของคนจน เป็นคนจนในเมืองซึ่งไปอาศัยร่วมกันในแหล่งรับจ้างใช้แรงงาน
- ชุมชนทัศนะใหม่ในยุคโลกาภิวัตน์ เป็นชุมชนไร้พรมแดน เป็น "เครือข่ายพื้นที่่ชุมชนทางอากาศ" มีองค์ประกอบสำคัญคือ คนและความสัมพันธ์ของคน ซึ่งมีความสนใจและความต้องการเดียวกัน เช่น ชุมชนออนไลน์ เครือข่ายผู้ใช้เฟสบุ๊ค ชุมชนคนรักป่า เป็นต้น
- ทั้งในทัศนะเดิมและทัศนะใหม่ สามารถสรุปความหมายของชุมชนออกเป็น ๓ แบบ ได้แก่
- พื้นที่ทางภูมิศาสตร์ คือ อยู่ร่วมกัน อยู่ในพื้นที่เดียวกัน
- กลุ่มทางสังคม คือ มีความสนใจเหมือนกันหรือคล้ายกัน
- องค์กรทางสังคม คือ มีกฎเกณฑ์หรือระเบียบร่วมกัน
- โครงสร้างทางสังคม หมายถึง ระบบความสัมพันธ์อย่างเป็นระเบียบของกลุ่มคนที่มารวมกันในสังคม อาจแบ่งได้เป็น ๒ ประเภท ได้แก่ องค์การทางสังคมและสถาบันทางสังคม
- องค์การทางสังคม คือกลุ่มคนที่มีการสร้างกฏระเบียบหรือข้อตกลงของชุมชน เช่น ความเชื่อ ค่านิยม บรรทัดฐาน สถานภาพ บทบาท ซึ่งในชุมชนแบบดั้งเดิมจะสืบทอดต่อกันแบบจารีตประเพณี เช่น
- กลุ่มสังคม
- ครอบครัว
- ชุมชน
- ชนชั้น
- ฯลฯ
- สถาบันทางสังคม คือ สิ่งที่คนส่วนรวมในสังคมจัดตั้งขึ้นเพราะเห็นประโยชน์ว่ามีความต้องการและจำเป็นแก่วิถีชีวีต เป็นรูปแบบพฤติกรรมของสมาชิกในสังคม เช่น
- สถาบันครอบครัว
- สถาบันการศึกษา เช่น โรงเรียน ศูนย์เรียนรู้ ฯลฯ อาจมีทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการ
- สถาบันทางศาสนา เช่น วัด สำนักสงฆ์ ฯลฯ
- สถาบันด้านการเมือง เศรษฐกิจ ศิลปะ นันทนาการ อนามัยสาธารณสุข วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
- เป็นต้น
- เนื่องจากรายวิชา ๑ หลักสูตร ๑ ชุมชน เป็นรายวิชาที่นิสิตจากทุกหลักสูตรระดับปริญญาตรีต้องเรียน ทำให้ลักษณะของชุมชนที่สอดคล้องกับธรรมชาติของสาขาหรือหลักสูตรแตกต่างกันมาก ดังนั้น ความหมายของชุมชนในบริบทของรายวิชา ๑ หลักสูตร ๑ ชุมชน จึงควรกำหนดให้ครอบคลุมความหมายทั้งหมดที่กล่าวมา และมีความยืดหยุ่นเพื่อส่งเสริมให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทั้งผู้เรียนและชุมชน
- ชุมชนในบริบทของรายวิชา ๑ หลักสูตร ๑ ชุมชน หมายถึง กลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน หรือกลุ่มคนที่มีความสนใจเหมือนกัน หรือองค์กรทางสังคมที่มีการใช้กฎเกณฑ์หรือกฎระเบียบร่วมกัน ที่สมาชิกมีปฏิสัมพันธ์กันหรือความสัมพันธ์กันหรือมีการรับรู้ร่วมกัน มีการสื่อสารเพื่อทำอะไรร่วมกัน
- ดังนั้น "ชุมชน" ในรายวิชา ๑ หลักสูตร ๑ ชุมชน จึงเป็นชุมชนที่แตกต่างหลากหลายไปตามธรรมชาติทางวิชาการของแต่ละหลักสูตร เช่น
- ชุมชนเชิงพื้นที่ (กำหนดอาณาบริเวณ) เช่น หมู่บ้าน เทศบาล ฯลฯ
- ชุมชนที่เป็นกลุ่มคน (มีความสนใจเดียวกัน) เช่น กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มผู้เลี้ยงปลา กลุ่มทำฟาร์มเห็ด สมาคม ครูสอนสาระวิชาเดียวกัน ฯลฯ
- ชุมชนสถาบันทางสังคม เช่น โรงเรียน มหาวิทยาลัย วัด ฯลฯ
- ชุมชนนักปฏิบัติ (Coperative Community; CoP) หรือชุมชนทางวิชาชีพ (Professional Learning Community) เช่น ครู อาจารย์ ช่างยนต์ มัคคุเทศก์ ฯลฯ
- ชุมชนเชิงเศรษฐกิจ ซึ่งครอบคลุมถึงการซื้อขายออนไลน์ด้วย เช่น ตลาดนัด ตลาดนัดออนไลน์ ฯลฯ
- ฯลฯ
ความหมายของการพัฒนาชุมชน
- คำว่า "พัฒนา" หมายถึง กระบวนการเปลี่ยนแปลงจากสภาพหนึ่งไปยังอีกสภาพหนึ่งในทางที่ดีขึ้น
- การพัฒนา อาจแยกได้เป็น ๒ แบบ คือ การริเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ เช่น การประดิษฐ์คิดค้น ฯลฯ และการปรับปรุงพัฒนาสิ่งเดิมให้ดีขึ้น
- การพัฒนาต้องพิจารณาให้ครอบคลุมทั้งด้านวัตถุและจิตใจไปพร้อมๆ กัน
- การพัฒนาชุมชน หมายถึง การพัฒนาชุมชนให้ดีขึ้น ด้วยวิธีการ (Method) ขบวนการ (Movement) และกระบวนการ (Process) ที่กำหนดขึ้นอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ชุมชนส่วนรวมดีขึ้น โดยให้สมาชิกของชุมชนมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายและการดำเนินกิจกรรมต่างๆ
- จุดมุ่งหมายหลักของการพัฒนาชุมชน ๓ ประการ ได้แก่ ชุมชนเข้มแข็ง ชุมชนอยู่ดีมีสุข และชุมชนน่าอยู่
- ชุมชนเข้มแข็ง หมายถึง คนมีประสิทธิภาพ สามารถแก้ปัญหาของตนเองและชุมชนได้ สมาชิกแต่ละคนนำความสามารถของตนเองออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์ และที่สำคัญคือสมาชิกในชุมชนให้ความร่วมมือในการพัฒนาชุมชน มีความสามัคคีกัน
- ชุมชนอยู่ดีมีสุข หมายถึง คนในชุมชนคุณภาพชีวิตที่ดี มีฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวและชุมชนดีขึ้น
- ชุมชนน่าอยู่ มีสิ่งแวดล้อมที่ดี ผู้คนมีจิตใจดี เอื้อเฟื้อ มีน้ำใจ มีสิทธิและอิสรภาพตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
กระบวนการพัฒนาชุมชน
- กระบวนการพัฒนาชุมชน มีอย่างน้อย ๕ ขั้นตอน ได้แก่
- การศึกษาชุมชน
- การวิเคราะห์ชุมชน จัดลำดับปัญหาและความต้องการของชุมชน
- การวางแผนพัฒนาในลักษณะโครงการ
- การดำเนินโครงการพัฒนาชุมชน
- การประเมินผลความสำเร็จของโครงการ
- การทบทวนปัญหาและอุปสรรค์
- การศึกษาชุมชน คือ การเข้าไปศึกษาเพื่อทำความเข้าใจในสถานการณ์ต่างๆ ของชุมชน ทั้งทางด้านกายภาพ สังคม วัฒนธรรม ประเพณี เศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งนี้เพื่อวัตถุประสงค์ของการศึกษาชุมชนที่แตกต่างกันไปตามความต้องการของผู้ศึกษา
- วัตถุประสงค์ของการศึกษาชุมชนหลักๆ ที่สำคัญ ได้แก่
- เพื่อหาข้อเท็จจริงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชุมชน
- เพื่อค้นหาองค์ความรู้ใหม่หรือเพิ่มเติมองค์ความรู้เดิมเกี่ยวกับชุมชนเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
- เพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะอื่นๆ ตามความต้องการของผู้ศึกษา
- วิธีการหลักในการศึกษาชุมชนมี ๒ ประการ ได้แก่ การสังเกต (Observation) และ การสัมภาษณ์ (Interview)
- การสังเกต คือ การเฝ้าดูอย่างเป็นระบบ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับพฤติกรรมของสิ่งที่เราต้องการศึกษา อาจเป็นบุคคล สิ่งแวดล้อม หรือวัตถุต่างๆ โดยใช้ประสาทสัมผัสทั้ง ๕ ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น หรือผิวกาย ในการติดตามอย่างใกล้ชิด
- ขอบเขตสำคัญของการสังเกต (สิ่งที่ต้องสังเกต) ได้แก่
- ฉากและบุคคล ได้แก่ ลักษณะทางกายภาพและทางสังคมของเหตุการณ์ที่เราเฝ้าดูอยู่ ดูว่าเป็นใคร เกิดที่ไหน ฯลฯ
- พฤติกรรม การกระทำที่ผู้สังเกตเห็นในเหตุการณ์ที่เฝ้าดูอยู่ ดูว่าเขาทำอะไร ทำอย่างไร
- การสังเกตอาจแบ่งออเป็น ๒ ประเภทได้แก่ การสังเกตแบบมีส่วนร่วมและการสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม
- การสังเกตแบบมีส่วนร่วม คือ การสังเกตที่ผู้สังเกตเข้าไปใช้ชีวิตร่วมกับกลุ่มคนที่ถูกศึกษา มีการทำกิจกรรมราวกับว่าผู้สังเกตมีสถานภาพและบทบาทเดียวกัน ผู้สังเกตต้องปรับตัวให้เข้ากับกลุ่มคนที่ศึกษา โดยอาจเข้าไปฝังตัวอยู่ในเหตุการณ์ เข้าไปอาศัยอยู่ในชุมชนเป็นเวลานาน จนคนในชุมชนรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา
- ข้อมูลที่เหมาะสมกับการสังเกตแบบมีส่วนร่วม ได้แก่
- ข้อมูลด้านความเชื่อและทัศนคติ เช่น ความเชื่อทางศาสนา ความเชื่อและทัศนคติทางการเมือง ฯลฯ
- ข้อมูลด้านพฤติกรรม เช่น ความสามัคคีและความขัดแย้งของคน วิถีชีวิตด้านต่างๆ การบริโภคอาหาร วิถีการทำงาน การเล่น การผักผ่อน การทิ้งขยะ ฯลฯ
- การสัมภาษณ์ เป็นกระบวนการสื่อสารระหว่างบุคคลด้วยการพบปะกับผู้ให้ข้อมูลโดยตรง ซึ่งอาจจะโดยการพูด ท่าทาง สัญลักษณ์ และความรู้สึกที่แสดงออกได้ เป็นวิธีการที่เหมาะสมในการศึกษาชุมชนจากเด็กๆ และผู้ไม่รู้หนังสือมากนัก
- การสัมภาษณ์แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ได้แก่ การสัมภาษณ์แบบมาตรฐาน (Standardized Interview) ที่กำหนดคำถามไว้ล่วงหน้า หรือเรียกว่าการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง (Structured Interview) และการสัมภาษณ์แบบไม่มีคำถามแน่นอน หรือการสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง (Unconstructed Interview) หรืออาจแบ่งตามจำนวนคนเป็น สัมภาษณ์เดี่ยวรายบุคคลหรือสัมภาษณ์กลุ่ม/พร้อมกันหลายคน (Group Interview)
- เครื่องมือศึกษาชุมชนที่ได้รับความนิยมมากคือ เครื่องมือ ๗ ชิ้น ที่นำเสนอโดย นพ.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ ได้แก่
- แผนที่เดินดิน
- ผังเครือญาติ
- โครงสร้างองค์กรชุมชน
- ปฏิทินชุมชน
- ประวัติศาสตร์ชุมชน
- ประวัติชีวิต
- แผนที่เดินดิน เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุด เพราะ การเดินสำรวจด้วยตนเองจะทำให้รู้จักโลกของชาวบ้าน เห็นภาพจริง เห็นภาพรวม เห็นโครงสร้างของชุมชน และได้ข้อมูลมาก เร็ว และเชื่อถือได้ นอกจากนี้แล้วยังจะทำให้เกิดความสัมพันธ์กับชุมชน เกิดความคุ้นเคยกับชาวบ้าน
- การเดินสำรวจเพื่อทำแผนที่ชุมชน นิสิตจะต้อง
- เดินทั่วทั้งชุมชน
- ดูด้วยตาตนเองทุกบ้าน
- เห็นพื้นที่ทางกายภาพ
- เข้าใจพื้นที่ทางสังคม
(ขอขอบคุณ นักศึกษาคณะพยาบาล มหาวิทยาลัยราชธานี วิทยาเขตอุดรธานี)
- ผังเครือญาติ จะทำให้รู้ระบบความสัมพันธ์ซึ่งเป็นรากฐานของสังคม การทำผังเครือญาติจะเห็นความเชื่อมโยงของคนในสังคม
- โครงสร้างองค์กรชุมชน เป็นแผนผังแสดงความสัมพันธ์เชิงอำนาจของบุคคลในชุมชน ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ การทำแผนผังโครงสร้างองค์กรชุมชนที่ครอบคลุมครบถ้วน จะทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจด้านอื่นๆ เกี่ยวกับคนหรือกลุ่มคน
- แผนผังโครงสร้างองค์กรชุมชน จะช่วยให้นิสิตทราบว่า ใครเป็นกลุ่มไหน ใครเป็นคนของใคร ซึ่งอาจมีประโยชน์ในการเลือกกลุ่มเป้าหมายในการสัมภาษณ์
- ระบบสุขภาพชุมชน เป็นข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของชุมชน อาจจะนำเสนอในรูปของแผนผังความคิดแบบต่างๆ หรือเป็นแผนภาพแสดงองค์ประกอบ ดังภาพ
- ปฏิทินชุมชน เป็นเครื่องมือศึกษวิถีชีวิตในชุมชนที่เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน วัฒนธรรม ประเพณี หรือกิจกรรมสำคัญๆ ของชุมชน อาจนำเสนอในรูปแบบต่างๆ
- ผังประวัติศาสตร์ชุมชน ใช้ในการศึกษาเรื่องราวความเป็นมาของดชุมชนด้านต่างๆ เช่น ด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การเมือง การเกษตร ฯลฯ ซึ่งจะทำให้เข้าใจปรากฎการณ์ในชุมชนได้
จรรยาบรรณในการศึกษาชุมชน
- สิ่งที่ควรทำเมื่อจะลงพื้นที่หรือเข้าศึกษาชุมชน ที่สำคัญๆ ได้แก่
- นัดหมายล่วงหน้า และตรงต่อเวลาเสมอ
- เตรียมความพร้อม
- แต่งกายให้เหมาะสม
- นอบน้อมถ่อมตน
- บอกจุดมุ่งหมายในการศึกษาชุมชน
- ขออนุญาตและขอบคุณ
- ศึกษาข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง
- สิ่งที่ไม่ควรทำ เมื่อเข้าพื้นที่ศึกษาชุมชน ที่สำคัญๆ ได้แก่
- พฤติกรรมก้าวร้าว ชี้นำ สั่งการ
- บังคับ เร่งรัด ให้ตอบคำถาม
- นำความลับหรือข้อมูลส่วนตัวไปเปิดเผย
- ไม่เป็นกลาง ลำเอียง ยุยงให้คนทะเลาะกัน
- วิพากษ์วิจารณ์ แสดงความคิดเห็น
- วิเคราะห์เอง สรุปเอง
- ผลของการศึกษาชุมชนที่ถูกต้อง จะเกิด ๓ สิ่งดังต่อไปนี้
- เข้าใจ คือเข้าใจบริบทชุมชน ศักยภาพ ปัญหา และความต้องการของชุมชน
- เข้าถึง คือ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย มีสัมพันธภาพอันดี และรักในงานการพัฒนาชุมชน
- พัฒนา คือ ดำเนินโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์สุขอย่างแท้จริง
ขอขอบพระคุณอาจารย์สายไหม ไชยศิรินทร์ หัวหน้าภาควิชามานุษยวิทยา และประธานสาขาวิชาพัฒนาชุมชน อีกครั้งหนึ่งมา ณ โอกาสนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น