วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2559

CADL ขับเคลื่อน ปศพพ. ใน มมส. _ ๑๘ : รายวิชา ๐๐๓๒๐๐๕ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาอาจารย์ผู้สอน ๒๕๕๙ (๕)

กิจกรรมที่ ๕  ตัวอย่างการน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้กับธุรกิจในตลาดหุ้น บริษัทบาธรูมดีไซด์ จำกัด   เป็นเทปเล่าเรื่องของนายวัชรมงคล เบญจธนฉัตร์ ประธานกรรมการบริษัท ความยาวประมาณ ๑๓ นาที ... เสียดายที่เสียงไม่ค่อยดีเท่าใดนัก 
ช่วงค่ำก่อนวันอบรมเชิงปฏิบัติการ ผมเล่าเรื่องการเชิญ อ.ทนง ขันทอง มาบรรยายพิเศษให้ อ.ศศินี ฟัง  จึงได้เรียนรู้หลายเรื่องเกี่ยวกับแง่มุมทางธุรกิจที่ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้น และเรื่องเกี่ยวกับธนาคารพาณิชย์ไทย  คุยไปคุยมา ได้ทราบว่า ท่านเป็นนักเศรษฐศาสตร์ ทำงานด้านการเงินมานาน ก่อนจะมาทำงานขับเคลื่อน ปศพพ. ท่านเคยเป็นผู้จัดการกองทุนรวม และเห็นว่าความสามารถด้านการเงิน (Money Literacy)  เรื่องการทำบัญชีรับ-จาย เป็นเรื่องที่นิสิตมหาวิทยาลัยควรจะมีและทำเป็นประจำ 


ความหมายและความเข้าใจ

  • ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงคือการพัฒนาอย่างสมดุล
  • มีคำสำคัญ ๓ คัญ คือ ความสุข ความรัก สมดุล  
  • ความสุขคือเป้าหมาย ความรักคือตัวขับเคลื่อน ความสมดุลคือพื้นฐานทั้งหมดทุกสิ่ง 
  • เป้าหมายของบริษัทไม่ใช่ "ความสำเร็จ" แต่เป็น "ความสุข"  
  • "...นักจิตวิทยาพบว่า คนที่ประสบความสำเร็จมักไม่มีความสุข  ส่วนคนที่มีความสุขมักไม่ประสบความสำเร็จ ..."
  • "...แต่ของพิเศษของพ่อ... จะนำมาสู่ทั้งความสำเร็จและความสุข..." 
  • ความรัก  ๑ คือ รักงาน มีฉันทะในสิ่งที่ทำ  ๒ คือ  รักผู้อื่น ยิ่งให้ยิ่งมีความสุข   
  • ต้องสมดุล ๔ มิติ ของธุรกิจ 
    • องค์กรสมดุล ความพอประมาณคือ เรา  เราเก่งอะไร เรามีจุดอ่อนตรงไหน มีเหตุมีผลคือ เขา เขาคือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย  การมีภูมิคุ้มกันคือความรู้ รู้เขา รู้โลก รู้การเปลี่ยนแปลง 
    • สมดุลของคน คือ คนต้องมีคุณธรรม 
    • สมดุลเป้าหมาย  คือ ต้องไม่มองเฉพาะเงิน กำไร แต่ต้องมองประโยชน์สุข  คือ ทั้งประโยชน์และความสุข
    • สมดุลสู่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย คือ ประโยชน์สุขแบ่งปันสู่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ใช่เฉพาะผู้ถือหุ้น 
การน้อมนำไปใช้ในการทำธุรกิจ
  • ธุรกิจขนาดกลาง เริ่มตอนปี ๓๘  นำเข้าผลิตภัณฑ์สินค้าในห้องน้ำ นำเข้า ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ไม่มีแบรนด์ตนเอง  ขายดีมาก 
  • วิกฤต ๔๐ หนี้เพิ่มขึ้นกว่า ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ไม่มีเงินจ่ายเงินเดือน สินค้าขายไม่ดี แบงค์ก็เริ่มทวงหนี้ ต่างประเทศบอกว่าขายไม่ดีจะดึงแบรนด์กลับ  
  • ๔ ธ.ค. ๒๕๔๐ ได้ฟังในหลวงเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง ทางทีวี  สนใจเลยติดตามฟังบรรยายของ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล 
  • เริ่มกลับมาวางแผนระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว 
  • ระยะสั้น มีปัญหาเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเงิน  จึง ลดราคาสินค้าก่อน  เอาเงินที่ขายได้มาจ่ายเงินเดือนพนักงาน  เจรจากับแบงค์ให้ยึดเวลาการชำระหนี้ออกไป   
  • ระยะกลาง ลดการนำเข้า  และสร้างแบรนด์ของตนเอง  เราเริ่มศึกษาว่าโรงงานในกรุงเทพฯ มีอะไรบ้าง  แล้วค่อยให้ฝ่ายออกแบบออกแบบเอง แล้วไปจ้างโรงงานทำ สร้างภูมิคุ้มกันด้วยสมดุล ๖ มิติ  design->function->technology->materials-> Social->environment  จากสินค้าที่นำเข้าทั้งหมดก็เริ่มมีตลาดของเราเอง 
  • เริ่มจากการ design ชั้นวางของในห้องน้ำ ใช้วัสดุเมทาริกสีขาวทดแทนตะแกรงโลหะต่างๆ  เริ่มมีตลาดเพราะไม่มีคู่แข่ง
  • จากนั้นใส่ function เข้าไป จากอ่านเปล่า ก็กลายเป็นมีระบบน้ำวน  ถือเป็นเจ้าแรกในประเทศ  
  • ต่อมาจีนเข้ามาตีตลาดด้วยสินค้าราคาถูกกว่า ๓ เท่า  จึงต้องเอา technology เข้ามา... เป็นที่มาของ Ispa  อ่างน้ำวนที่เชื่อมต่อ Ipod ได้ สามารถวัดอัตราการเผาพลาญแคลอรี่ได้  ไม่ขายเฉพาะฮาร์ดแวร์ แต่ขายซอร์ฟแวร์ที่สามารถดาวน์โหลดออนไลน์ได้ ...  ทำให้ธุรกิจค่อยๆ ขยับ 
  • อีกเรื่องที่สำคัญคือคน  เน้นความรัก รักเหมือนพ่อเหมือนแม่ ปลูกฝังฝ่ายบริการให้มองลูกค้าเหมือนคุณพ่อคุณแม่  
  • ส่วนพนักงาน  ขนาดกลางที่มีประมาณ ๕๐๐ คน จะดูแลให้เกิดสมดุลทั้งด้านมูลค่าและคุณค่า  
  • ด้านมูลค่าคือ เงินในกระเป๋า  ใช้หลักว่า " เงินได้ไม่สำคัญเท่าเงินเหลือ "   จ้างทำอาหารกลางวัน กำข้าวตักได้ไม่อั้น ทำให้พนักงานประหยัดได้ ๗๐ บาทต่อวัน   จัดการหนี้นอกระบบของพนักงานโดยประสานกับธนาคารออมสิ จากดอกเบี้ยร้อยละ ๕ เหลือร้อยละ ๐.๕  มีกิจกรรมทำแปลงเกษตรหลังโรงงาน ส่งเสริมการเพาะเห็ดให้พนักงานเอากลับไปทำที่บ้าน ส่งเสริมอาชีพเสริมต่างๆ  ...อย่างสนุกสนาน 
  • ด้านคุณค่า คือสิ่งที่จะทำให้พนักงานอยู่กับเรา  ไม่ใช่เพราะเงิน  หลักคิดคือ ทำอย่างไรให้พนักงานรู้สึกว่ามีคุณค่า และทำให้เขาเห็นคุณค่าของผู้อื่น  วิธีการคือการใส่ใจกับวันสำคัญของพนักงาน เช่น วันเกิด ก่อนวันเกิดจะมีขนมแค้กอวยพร  และให้หยุดงานได้ในวันเกิด  ฯลฯ  
  • ส่วนวิธีการทำให้เห็นคุณค่าของผู้อื่น จะเน้นการมีส่วนร่วมและใช้ความรักขับเคลื่อนไม่ใช่เงิน  บริษัทจะประเมินผลด้านความดี ๔๐ เปอร์เซ็นต์ ไม่ได้วัดความเก่งอย่างเดียว 
  • บริษัทจะน้อมนำเอา ๒๓ หลักการทรงงานมาใช้ โดยแบ่งออกเป็น ๓ ส่วนคือ ๑๐+๑๐+๓  หรือ ปริยัติ+ปฏิบัติ+ปฏิเวท  
  • ยกตัวอย่างเช่น ๑๐ ข้อแรก   จะทำอะไรต้องหาความรู้ก่อน ต้องระเบิดจากขัางใน  ทำจากจุดเล็กๆ ง่ายๆ ก่อน และทำตามลำดับขั้น  การศึกษาภูมิสังคม การศึกษาองค์รวมตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน อนาคต จะไปถึงไหน ต้องไม่ติดตำรา การประหยัดเรียบง่าย ประโยชน์สูงสุด การทำให้ง่าย การมีส่วนร่วม 
  • ๑๐ ข้อที่สอง คือ จะทำอะไรต้องเน้นประโยชน์ส่วนรวม  ต้องบริการรวมที่จุดเดียวทั้ง Authority และ Responsibility ต้องไปคู่กัน ใช้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ คนทำดีองค์กรนั้นจะได้ดี  ให้อธรรมปราบอธรรม คนไหนเคยไม่ดีก็ให้กลับตัว ปลูกป่าในใจคนคือปลูกฝังความดีในใจคน ขาดทุนคือกำไร คือให้มองกำไรระยะยาว รู้จุักพึ่งพาตนเอง พออยู่พอกิน เศรษฐกิจพอเพียง และ ซื่อสัตย์ สุจริต และจริงใจต่อกัน 
  • ปฏิเวท ๓ ข้อ คือ  ๑) ทำงานอย่างมีความสุข  ทุกเช้าตื่นขึ้นมาอยากมาทำงานหรือเปล่า ลูกค้ามีความสุข คนในชุมชนมีความสุข  ๒) ความเพียร  ทุกคนทำงานอย่างสนุกสนานแลท้าทาย ไปทำงานเหมือนทำข้อสอบ  และ ๓) รู้ รัก สามัคคี รู้คือรู้เขารู้เรา  รักคือรักกัน รักงาน รักลูกค้า รักผู้อื่น แล้วความสามัคคีจะมาเอง  
  • ความสามัคคีคือหัวใจของทั้งหมด 
หากเราสืบค้นด้วยคำสัญว่า "วัชรมงคล" จะพบคลิปเผยแพร่เรื่องราว เรื่องเล่า ผลของการน้อมนำเอา ปศพพ. มาใช้จนประสบผลสำเร็จ  ผมคิดว่า เราควรแนะนำให้นิสิตดูคลิปต่อไปนี้  หรืออาจใช้คลิปเหล่านี้เป็นสื่อการสอนเลยก็ได้ครับ 




ผม AAR ว่า การยกตัวอย่างการน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการดำเนินชีวิตจนประสบความสำเร็จนั้น นอกจากจะทำให้นิสิตเข้าใจมากขึ้นแล้ว น่าจะทำให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะนำไปปรับใช้บ้าง ไม่มากก็ไม่น่าจะน้อย....  เชิญให้ทุกท่านทดลองนำคลิปวีดีโอนี้ไปใช้สอน ถอดบทเรียน แล้วมาแลกเปลี่ยนกันครับ ....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น