สำหรับผมแล้ว ได้เรียนรู้ใหม่เกี่ยวกับวิธีการนำเสนอของท่าน เป็นการบรรยายประกอบการสาธิต และสื่อเคลื่อนไหว ทำให้ผู้ฟังเห็นชัดเจนและเข้าใจได้ง่ายยิ่ง ตอนท้าย ๆ ของการบรรยาย ท่านเปิดคลิปลักษณะชีวิต 5G ดังคลิปด้านล่างนี้
ท่านเห็นอะไรในคลิปนี้ครับ
- ทีวี อินเตอร์เน็ตทีวี อยู่ในแว่นตา และแว่นตาสามารถเปลี่ยนโหมดเป็นแว่นตาธรรมดาได้
- กระจกรถยนต์ จะเป็นจอแสดงผลต่าง ๆ
- รถยนต์ขับเอง ไม่ต้องมีคนขับ เพราะเชื่อมต่อ GPS ได้ แม่นยำ สั่งการได้รวดเร็ว ปลอดภัยกว่าคนขับเอง
- เกษตรกรใช้โดรนช่วยทำการเกษตร
- ไม่ต้องไปหาหมอ สามารถพบหมอได้ทางอินเตอร์เน็ต หมอคำปรึกษาผ่านอินเตอร์เน็ต
- กระจกเงาส่องแต่งหน้า ทำหน้าที่เป็นจอแสดงผลได้
- คนคุยกับรถยนต์ได้ สั่งงานรถยนต์ได้ สั่ง ... ทุกอย่างสั่งงานด้วย AI
- ร้านขายของไม่ต้องมีคนขาย อยากได้อะไรหยิบใส่กระเป๋าได้เลย เดินผ่านประตูร้าน ทุกอย่างจ่ายผ่านเงินดิจิทัลเรียบร้อย โดยดูข้อมูลจากนาฬิกาข้อมือ
- ต่อไปไม่จำเป็นต้องเรียนภาษา เพราะนาฬิกาและหูฟัง สามารถจะรับภาษาหนึ่งแล้วแปลเป็นอีกภาษาหนึ่งได้ และสามารถแปลภาษาที่เราพูด บอกออกเป็นอีกภาษาหนึ่งได้
- สามารถสื่อสารข้ามโลกได้หลากหลายรูปแบบและรวดเร็วมาก เช่น สามารถจะใช้กล้องสามมิติบินได้ เป็นเหมือนโดรนเล็ก ถ่ายภาพ ๓๖๐ องศา ส่งภาพเสียงผ่านไปยังคนที่อยู่ไกลคนละฝั่งโลก
- คอนแทคแลนส์ ไม่เป็นเพียงปรับสายตาได้เท่านั้น แต่ยังเป็นจอแสดงผล แค่กระพริบตา ก็รับภาพเสียงที่มาจากอีกฝั่งโลกได้
- ไม่เพียงแต่เห็นหน้า ฟังเสียงเท่านั้น แต่ยังเห็นเป็นคนเป็นตัว ๆ จากโฮโลแกรมด้วย นักดนตรีหลายคน สามารถมาเล่นดนตรีเป็นวงเดียวกันผ่านระบบโฮโลแกรมได้
อาจารย์โชว์ความสามารถของระบบ 5G ด้วยสไลด์นี้ครับ
ท่านบอกว่า ปีหน้า (2020) ระบบ 5G ซึ่งขณะนี้จีนเป็นผู้นำโลก จะเข้ามาในชีวิต สังเกตที่ความเร็วของการรับส่งข้อมูลที่จะเร็วจากเดิมเป็นแสนเท่า เขาจะสามารถสร้างเซ็นเซอร์รับส่งข้อมูลไว้กับอุปกรณ์ทุกอย่างรอบ ๆ ตัว นับตั้งแต่เสื้อผ้า นาฬิกา รถยนต์ พัดลม ตู้เย็น หลอดไฟฟ้า ทีวี ถังขยะ ฯลฯ แล้วท่านก็สาธิตการเชื่อมต่อจอมือถึอขึ้นจอใหญ่ ให้ทุกคนได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่คอนโดฯ ....ฮา...
ผมสังเกตว่า ในใจหลายคนคงจะฮือฮาทีเดียว .... แต่สิ่งที่ผุดในใจผมกับเป็นประโยคทองของ หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤษฎากร ที่ว่า "เงินทองของมายา... ข้าวปลาสิของจริง" ....
ท่านอธิบายได้ดีและเห็นภาพมากว่า แต่ละเทคโนโลยีจะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตของคน(เมือง) อย่างไร โดยให้ตัวอย่างของเทคโนโลยีต่อไปนี้แต่ละอัน ๆ
ขอแนะนำว่า ท่านใดที่ไม่เคยฟังท่านบรรยาย ก็หาโอกาสลองไปฟังดูครับ แต่ถ้าอยากเรียนรู้แบบประหยัดก็เปิดพาวเวอร์พอยท์ท่านและฟังคลิปเสียงบรรยาย ท่านบอกตอนท้ายบรรยายว่าท่านจะเผยแพร่แชร์ให้ ... แสดงว่าท่านไม่ได้หวงดอก .... แต่ผมว่าไปฟังเองท่าจะดีกว่า....
ยิ่งศึกษาและติดตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากเท่าใด ผมยิ่งเห็นความสำคัญที่ในหลวง ร.๙ ได้ทรงสอนไว้ ... ผมคิดว่า ประเทศเราอาจจะหลุดออกจากประเทศที่มีรายได้ปานกลาง สมดังที่ผู้นำส่วนใหญ่ในประเทศนี้กำลังจะพาไป แต่ผมมั่นใจอย่างยิ่งว่า เราจะไม่มีวันกลายเป็นประเทศผู้ผลิตเทคโนโลยีเหล่านั้น เราจะเป็นประเทศที่ถูกหลอกให้บริโภคอย่างนี้ตลอดไป และที่เจ็บใจทุกครั้งที่สุด คือ เราเป็นประเทศที่ถูกหลอกให้เป็นทาสผลิตอาหารให้ประเทศผู้ผลิตเทคโนโลยีกินอยู่อย่างสบาย .....
ในหลวงสอนเราว่า ประเทศเราเป็นประเทศที่มั่งคั่งและทำให้พออยู่พอกินได้ไม่ยากเลย ... ผมเห็นด้วยกับอาจารย์ยักษ์ที่ท่านว่า อย่าไปดิ้นรนตั้งเป้าจะเอาความร่ำรวยเลย ไม่ต้องเป็นประเทศร่ำรวย จะรวยไปไหน ไม่ต้องไปสนใจกับดักรายได้ปานกลางอะไรหรอก นั่นไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือความเหลื่อมล้ำต่างหาก ....
ผมคิดว่า มีผู้ใหญ่หลายคนรู้เรื่องนี้ดี และกำลังขับเคลื่อนอะไรบางอย่าง ให้เรากลับมาเดินถูกทางตามที่พ่อหลวงสอนไว้ .... พออยู่ พอกิน ไม่มีใครอดอยากในประเทศสยามนี้ ....
ผมก็กำลังพยายามขับเคลื่อนเต็มกำลังของตนเองเช่นกัน....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น