นิสิตที่เรียนรายวิชา ๐๐๓๖๐๐๖ ภาวะผู้นำ จะต้องฝึกกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการด้วยตนเอง จากการถอดบทเรียนจากการฟังบรรยายของ ผศ.ดร.จินดาพร จำรัสเลิศลักษณ์ ท่านแนะนำหลักในการกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จไว้ที่นี่ ผมขอนำมาสอนนิสิตต่อ ดังนี้ครับ
ประเภทของตัวชี้วัดความสำเร็จ
ตัวชี้วัดความสำเร็จ อาจแบ่งเป็น ๒ หรือ ๓ ประเภทก็ได้ (คลิกศึกษาละเอียดที่นี่)
- ถ้าแบ่งเป็น ๒ ประเภท ได้แก่
- ๑) ตัวชี้วัดเชิงปริมาณ คือ สามารถวัดเป็นตัวเลขได้ รายงานเป็นตัวเลขได้ และ
- ๒) ตัวชี้วัดเชิงคุณภาพ ที่บ่งบอกถึงคุณภาพและคุณค่าของสิ่งนั้น ๆ ซึ่งนำเสนอออกมาเป็นตัวเลขไม่ได้
- ถ้าแบ่งเป็น ๓ ประเภท จะได้แก่
- ๑) ตัวชี้วัดเชิงปริมาณ คือตัวชี้วัดที่สามารถนับได้ หรือ เป็นปริมาณเชิงกายภาพที่มีหน่วยวัด เช่น จำนวน ความยาว น้ำหนัก ระยะเวลา เป็นต้น
- ๒) ตัวชี้วัดเชิงปริมาณที่ใช้วัดสิ่งที่เป็นนามธรรม คือ ตัวชี้วัดที่สร้างเกณฑ์ให้สิ่งนามธรรมนั้นเป็นตัวเลข เช่น ระดับความพึงพอใจ ระดับคุณธรรม ระดับความโปร่งใส ฯลฯ
- ๓) ตัวชี้วัดเชิงคุณภาพ คือ ตัวชี้วัดไม่ใช่เชิงปริมาณ ไม่มีหน่วยวัดใด ๆ แต่ใช้การวัดเทียบกับค่าเป้าหมายที่เป็นเกณฑ์ในลักษณะพรรณนา หรือเป็นคำอธิบายของเกณฑ์ซึ่งจะช่วยในการใช้วิจารณญาณของผู้ประเมิน เช่น การมีคุณค่ากับสถาบัน ศักยภาพของผู้เข้าอบรม ฯลฯ
การเขียนตัวชี้วัดความสำเร็จสำหรับโครงการ อาจเขียนได้ ๒ แบบ ๑) เขียนตัวชี้วัดความสำเร็จแยกจากเป้าหมาย โดยเขียนแยกไว้คนละหัวข้อ และ ๒) เขียนค่าเป้าหมายรวมไว้ในตัวชี้วัดความสำเร็จ แบบแรกนิยมสำหรับใช้ในการเขียนแผนพัฒนาหรือแผนปฏิบัติราชการที่ต้องใช้เวลา ๑ ปี ๕ ปี ๑๕ ปี หรือ ๒๐ ปี ในการก้าวไปสู่เป้าหมายนั้น ส่วนแบบหลังนิยมเขียนในโครงการระยะสั้น เช่น โครงการย่อย ๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาหรือแผนปฏิบัติราชการ เป็นต้น
การเขียนตัวชี้วัดความสำเร็จไม่มีเคล็ดวิธีตายตัว ขอเสนอหลักสำคัญ ๓ ประการ ในการกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการ ดังนี้
๑) สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ... บอกได้ว่าวัตถุประสงค์นั้นบรรลุผลสำเร็จหรือไม่
๒) วัดประเมินได้จริง ... ด้วยวิธีการหรือเครื่องมือต่าง ๆ ... ต้องไม่ใช่ทึกทักปักธง...
๓) เน้นตัวชี้วัดเพื่อพัฒนา ... ไม่ใช่ชี้วัดปัญหา
ข้อที่ ๑) สอดคล้องวัตถุประสงค์
ถ้าผู้อ่านได้ศึกษาข้อแนะนำในการเขียนวัตถุประสงค์ ๔ ระดับ ได้แก่ ผลผลิต ผลลัพธ์ ผลพลอยได้ และผลกระทบ (อ่านที่นี่) การเขียนตัวชี้วัดความสำเร็จ (ตชว.) จะง่ายขึ้นทันที โดยมีแนวทางดังนี้
- ตชว. สำหรับ "ผลผลิต" เมื่อทำโครงการเสร็จแล้ว ตชว. นั้นจะต้องสำเร็จ สำเร็จแน่ ๆ ได้แน่ ๆ ตัวชี้วัดความสำเร็จควรวัดออกมาเป็นตัวเลข เป็นเชิงปริมาณ
- ตชว. สำหรับ "ผลลัพธ์" จะเป็นสิ่งที่คาดหวังและต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น เกิดประโยชน์ แก้ไขปัญหา เกิดการพัฒนา โดยเฉพาะหากเป็นโครงการเกี่ยวกับพัฒนาคน จะเน้นที่พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ดังนั้น นอกจากจะกำหนดเป็นตัวชี้วัดเชิงปริมาณแล้ว ยังต้องประเมินเชิงคุณภาพด้วย
- ตชว. สำหรับ "ผลพลอยได้" ควรจะง่ายต่อการประเมินตรวจสอบ มักเป็น ตชว. เชิงคุณภาพ จากการสัมภาษณ์ สนทนา หรือสังเกต ... ควรตั้ง ตชว. ผลพลอยได้ให้ประเมินง่ายกว่าตัวชี้วัดหลัก
- ตชว. สำหรับ "ผลกระทบ" ข้อนี้ไม่ต้องมีก็ได้ครับ ... เมื่อดำเนินโครงการผ่านไปสักระยะที่คาดว่าจะเกิดผลกระทบในทางที่ดีขึ้น แล้วจึงประเมินต่างหากก็สามารถทำได้
ข้อที่ ๒) วัดประเมินได้จริง
ตชว. เชิงปริมาณ ที่วัดผลเป็นตัวเลข ปริมาณ จำนวน ประสบการณ์ตรวจทำงานที่ผ่านมา พบว่า ไม่ค่อยมีปัญหานัก เช่น
- จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของกลุ่มเป้าหมาย
- จำนวนผลงานหรือชิ้นงาน อย่างน้อย ๕ ผลงาน
- ฯลฯ
- ตชว. ที่เป็นปัญหาคือ ตัวชี้วัดที่เป็นนามธรรม คุณภาพ แต้ต้องการจะวัดเป็นเชิงปริมาณ ... ต้องสร้างเครื่องมือประเมิน เช่น
- ระดับความสำเร็จของ...... ซึ่งต้องตั้งเกณฑ์เป็นรายข้อละเอียดและกำหนดในเกณฑ์ว่าทำได้กี่ข้อจึงจะสำเร็จเป็นระดับ ๆ นิยมใช้ในเกณฑ์การประกันคุณภาพการศึกษา
- ร้อยละของผลงานที่ได้มาตรฐาน ต้องตั้งเกณฑ์แบบรูบิค (Rubic Scale) ว่ามาตรฐานคืออะไร พิจารณาอย่างไร
- ร้อยละของความพึงพอใจ ... ต้องใช้แบบสอบถามแบบเรทติงสเกล (Rating Scale) ประเมินจากกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งต้องใช้ทั้งความรู้ด้านการสร้างเครื่องมือและทางสถิติ
- ฯลฯ
- ตชว. ที่วัดยากที่สุดคือ ตชว.เชิงคุณภาพ วิธีการในการประเมินต้องใช้ประสบการณ์และเครื่องต่าง ๆ ประกอบ ต้องระวังไม่ให้เป็นความคิดหรือความเห็นของตนเอง ระวังไม่ให้มีอคติใด ๆ ไปเกี่ยวข้อง เช่น
- ประสิทธิภาพ ... ต้องสร้างเกณฑ์ สร้างเครื่องมือวัดตามเกณฑ์ และวิเคราะห์สังเคราะห์ข้อมูลด้วย
- ศักยภาพของคน ... ต้องสร้างแบบทดสอบความรู้ แบบประเมินศักยภาพ ฯลฯ
- พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลง ... ต้องใช้การสัมภาษณ์ สังเกตุ และสังเคราะห์
- ผลกระทบ ... ต้องมองรอบ ละเอียด และเป็นองค์รวม เชื่อมโยง
- ตชว. ต้องเป็นเชิงบวก หรือไม่ก็กลาง ๆ เน้นไปที่ข้อเท็จจริงอันไม่กระทบให้ใครเดือดร้อน เช่น
- จำนวนนิสิตที่สอบผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๖๐ ของคะแนนเต็ม
- บางครั้งใช้ ตชว. เชิงลบ เช่น จำนวนนิสิตที่สอบตก..... ก็สามารถทำได้ แต่ไม่ดี
- ตชว. เป็นแบบ Transformative คือ สะท้อนการเปลี่ยนแปลง หรือปัจจัยให้เปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ ตชว. แบบได้ตก หรือ Summative อย่างเดียว เช่น
- ระดับความสำเร็จของการพัฒนาไม่น้อยกว่า ๓.๕๐ (คะแนนเต็ม ๕)
- จำนวนแนวปฏิบัติที่ดี อย่างน้อย ๒ แนวปฏิบัติ
- ฯลฯ
วิพากษ์การกำหนดตัวชี้วัด จากงานชิ้นแรก
ดูตัวอย่างของกลุ่มอินทรี ดังภาพ
สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ดี (วิพากษ์วัตถุประสงค์ไปแล้วที่นี่) แต่ที่เขียนมายังเหมือน ตชว.ความสำเร็จ
- นิสิตเข้าเรียนทันเวลาในรายวิชาที่เรียน .... ควรเปลี่ยนเป็น จำนวนนิสิตที่เข้าเรียนทันเวลา
- นิสิตมีพื้นที่เพียงพอต่อการจอดรถ... ควรเปลี่ยนเป็น จำนวนรถจักรยานยนต์ที่จอดได้เพิ่มขึ้น
- นิสิตมีจิตสำนึกในการจอดรถให้เป็นระเบียบ ... ควรเปลี่ยนเป็น จิตสำนึกในการจอดรถของนิสิต .... ซึ่งต้องสร้างเครื่องมือประเมินจิตสำนึก ตัวชี้วัดนี้จึงไม่เหมาะสำหรับโครงการระยะสั้น หากปรับจุดประสงค์เป็น "ส่งเสริมจิตสำนึกการจอดรถเป็นระเบียบ" จะสามารถกำหนด ตชว. ให้ง่ายขึ้นได้เช่น ความพึงพอใจของผู้จอดรถ หรือ จำนวนนิสิตที่จอดรถไม่เป็นระเบียบ เป็นต้น
ตัวอย่างของกลุ่มดอกบัว
สิ่งที่ต้องปรับมากที่สุดคือ ความสอดคล้องกันระหว่าง ตัวชี้วัดความสำเร็จกับวัตถุประสงค์ สำคัญมาก...
- "ผู้เข้าร่วมโครงการ" .... ควรเปลี่ยนเป็น จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ
- "นิสิตใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ และรู้จักทำงานร่วมกัน ตลอดจนการแก้ไขปัญหาและยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น" ...
- ถ้าคิดว่าโครงการนี้เป็นประโยชน์ ผู้เข้าร่วมจะได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ ตชว. จะเป็น "จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่า........ คน"
- ถ้าต้องการให้รู้จักทำงานร่วมกันและแก้ปัญหาเป็น ควรตั้ง ตชว. เป็น "จำนวนผลงาน" หรือ "ระดับความสำเร็จฯ" หรือ "ประสิทธิภาพของการทำงาน" เป็นต้น
- ถ้าต้องประเมินการยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น หรือการทำงานเป็นทีม ทักษะเรื่องเก่งคน (Soft Skills) ตชว. ควรจะเป็น "เจตคติในการทำงานเป็นทีม" ... ซึ่งต้องออกแบบวัดเจตคติ หรืบแบบสัมภาษณ์
- "นิสิตได้รับประสบการณ์จากการทำงาน ตลอดจนมีจิตสำนึก ในความรับผิดชอบที่มีต่อสังคมเมื่อสำเร็จการศึกษา" ...
- นิสิตได้รับประสบการณ์... ตชว. อาจเป็น จำนวนนิสิตที่เข้าร่วมโครงการ
- มีจิตสำนึกรับผิดชอบที่มีต่อสังคมเมื่อสำเร็จการศึกษา ... ไม่สามารถวัดได้ และไม่น่าจะเกิดจริงครับ
ดูตัวอย่างจากกลุ่มหมี
หากข้ามเรื่องความสอดคล้องระหว่างวัตถุประสงค์กับ ตชว. ไป กลุ่มหมียังมีสิ่งที่ต้องปรับดังนี้
- ข้อแรก ให้เขียนเฉพาะ ตชว. ไม่ต้องเอา "กลุ่มเป้าหมาย" มารวมด้วย ควรจะเป็น "จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ" และต้องแยกให้ชัดเจนว่า กลุ่มเป้าหมายคือนิสิตผู้ใช้สนามกีฬา ไม่ใช่นิสิตผู้รับผิดชอบโครงการ
- "ผู้ใช้สนามมีความพึงพอใจในการใช้ไม้รีดน้ำเอนกประสงค์ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของจำนวนกลุ่มเป็าหมาย" .... ข้อนี้โอเค เว้นแต่เขียนไม่กระชับ ควรเปลี่ยนคำว่า "ผู้ใช้สนามมี" เป็น "กลุ่มเป้าหมาย" และตัดคำว่าคำว่า "จำนวน" ออก
- "กลุ่มเป้าหมายมีความรู้ความเข้าใจในการใช้ไม้รีดน้ำเอนกประสงค์ ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ " ... ข้อนี้ก็เป็นไปตามหลักการเขียนที่กล่าวถึงข้างต้น แต่การใช้ไม้รีดน้ำไม่ใช่เรื่องยากที่ควรนำมาตั้งเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ เนื่องจากเป็นเรื่องพื้นฐานของทุกคนที่สามารถใช้ไม้รีดน้ำเป็นอยู่แล้ว
- "กลุ่มเป้าหมายนำไม้รีดน้ำเอนกประสงค์ไปใช้งานได้จริงไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของจำนวนกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด" ... ข้อนี้ก็เหมือนจะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จได้ แต่เป็นเรื่องยากมากที่ผู้มาใช้สนามทุกคนจะนำเอาไม้รีดน้ำไปใช้ถึงร้อยละ ๘๐ ของผู้มาใช้สนาม และการประเมินจำนวนคนนำไปใช้ทำได้ยากมาก
- "บรรลุเป้าหมายตามแผนของโครงการไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ ของจำนวนกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด" ...ข้อนี้ใช้ไม่ได้ เพราะไม่สมเหตุสมผล ไม่อาจเข้าใจได้ว่าหมายถึงข้อใด ดูเหมือนจะหมายถึงการตรวจสอบระดับความสำเร็จของการดำเนินการตามแผนการดำเนินการที่กำหนดไว้ในโครงการ
ตัวอย่างจากกลุ่มภาพอิสระ
- "จำนวนผู้ที่จอดรถผิดกฎระเบียบประมาณ ๔๐ - ๕๐ คัน" .... ตัวชี้วัดความสำเร็จต้องเขียนให้เป็นเกณฑ์ชัดเจน ไม่ใช้คำว่า "ประมาณ" ควรเปลี่ยนเป็น "จำนวนรถที่จอดถูกต้องตามกฎระเบียบอย่างน้อยร้อยละ ๘๐ ของพื้นที่เป้าหมาย"
- ตัวชี้วัดเชิงคุณภาพ บางประการที่เกี่ยวกับการจอดรถสามารถกำหนดได้ เช่น ความเป็นระเบียบของการจอดรถของนิสิตเพิ่มขึ้น ทัศนคติที่ดีต่อการจอดรถตามกฎระเบียบ ความรู้ความเข้าใจในกฎระเบียบในการจอดรถ เป็นต้น
เนื่องจากหลายกลุ่มไม่ได้กำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จมาให้ในการส่งงานชิ้นแรกนี้ จึงขอนำเสนอเพื่อเป็นตัวอย่างข้างต้นนี้เท่านั้น