ปีการศึกษา ๑-๒๕๖๑ รายวิชา ๐๐๓๒๐๐๕ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนหลายอย่าง มีการเปลี่ยนให้ ผศ.ดร.เบ็ญจวรรณ ชุติชูเดช อาจารย์ผู้ประสานงานรายวิชานี้ตั้งแต่ก่อนจะปรับหลักสูตรฯ พ.ศ. ๒๕๕๘ กลับมาเป็นผู้ประสานงานใหม่อีกครั้ง (ผมถอยออกมาเป็นผู้ส่งเสริมหนุนเสริมในฐานะผู้บริหารและเป็นหนึ่งในอาจารย์ผู้สอน) และปรับเพิ่มเนื้อหาใหม่ให้ครอบคลุมเท่าทันการเปลี่ยนแปลงนโยบายเบื้องบนที่ขับเคลื่อนเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ของประเทศ
วันที่ ๒๔ - ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๑ สถาบันคลังสมองจัดหลักสูตรอบรมขยายผล (ขับเคลื่อน) "เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน" หรือ Sustainable Development Goals (SDGs) ผมสมัครไปร่วมในฐานะผู้บริหารของสำนักศึกษาทั่วไป พร้อมกับเพื่อนอาจารย์จาก มมส. อีก ๓ ท่าน รศ.ดร.รังสรรค์ โฉมยา จากคณะศึกษาศาสตร์ ผศ.ดร.ชลธี โพธิ์ทอง ผู้ช่วยอธิการฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ และ ผศ.ดร.นิดา ชัยมูล รองคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ ในงานผมได้เจอ "ผู้นำ" แห่งการเปลี่ยนแปลงหลายท่าน (ท่านไม่รู้จักผมดอก) รวมทั้ง อาจารย์พีรวัศ กี่ศิริ ที่คอยช่วยหนุนการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในโรงเรียนด้วย
กลับมาบ้าน (มมส.) ผมรีบนำเสนอหัวข้อ SDGs ให้เป็นบทเรียนหนึ่งในรายวิชา ๐๐๓๒๐๐๕ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในที่ประชุมอาจารย์ผู้สอน และอาสาเป็นผู้จัดเตรียมเอกสารและออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ ...ขณะนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ภาคเรียนที่ ๑/๒๕๖๑ นิสิตและนิสิตจะได้เรียนรู้เรื่องนี้ประมาณ ๔,๕๐๐ คน
ต่อมา วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๑ เราจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่อง SDGs นี้อีกครั้ง เพื่อให้อาจารย์ผู้สอนเข้าใจแนวทางการจัดการเรียนรู้ และได้ร่วมกันกำหนดขอบเขตและเป้าหมายของการสอนเรื่อง SDGs ก่อนจะจัดการเรียนรู้หลังการทดสอบกลางภาคเรียนที่ผ่านมา ... เพื่อให้ตนเองเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้น และเผื่อว่านิสิตหรืออาจารย์อาจจะได้ประโยชน์ ผมจึงสรุปประเด็นสำคัญ ๆ เกี่ยวกับ SEP to SDGs ไว้ในบันทึกนี้
๑) อะไรคือ SDGs
SDGs ย่อมาจากคำว่า Sustainable Development Goals แปลว่า เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เว็บไซต์ที่ให้ความหมายและอธิบายได้ดีที่สุดที่หนึ่งคือมูลนิธิมั่นพัฒนา (คลิก
ที่นี่) SDGs มีทั้งหมด ๑๗ เป้าหมาย กำหนดเป็นวาระ ๑๕ ปีตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๘ - ๒๕๗๓ ต่อเนื่องจากเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals, MDGs)
แต่ละเป้าหมาย มีประเด็นหรือคำสำคัญ ดังนี้ครับ
เป้าหมายที่ ๑) ขยัดความยากจน (No Pro)
- คนไทยมีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่าเส้นความยากจน อยู่ที่ร้อยละ ๔๒.๓ หรือ ๒๕.๘ ล้านคน ในปี พ.ศ. ๒๕๔๓ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ลดลงเหลือร้อยละ ๗.๒ หรือ ๔.๘ ล้านค้น โดยแบ่งเป็นชายหญิงพอ ๆ กัน ที่ร้อยละ ๓๘ ที่เหลือร้อยละ ๒๔ เป็นเด็ก
- การดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาความยากจน ที่รัฐบาลนำเสนอต่อ UN คือ
- โครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ๘๗๘ แห่ง
- โครงการลงทะเบียนเพื่อช่วยเหลือคนมีรายได้น้อยกว่า ๑๐๐,๐๐๐ บาทต่อไป ซึ่ง ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ มีผู้ลงทะเบียน ๗.๕ ล้านคน (รวมผู้มีรายได้เหนือกว่าเส้นยากจนเล็กน้อยด้วย) โดยโอนเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ (สู่บัตรคนจน) จำนวนถึง ๑๗,๔๖๙ ล้านบาท จำนวนเงินที่ให้ เช่น รายได้น้อยและไร้ที่พึ่ง ๓,๐๐๐ บาท ต่อครอบครัว ฯลฯ
- โครงการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน (Social Enterprise)
- เลี้ยงดูเด็กแรกเกิดจนถึง ๓ ปี คนละ ๖๐๐ บาทต่อเดือน
- เลี้ยงดูคนพิการและทุพพลภาพ ในลักษณะเบี้ยยังชีพ ๘๐๐ บาทต่อเดือน จำนวน ๑.๖๗ ล้านคน
- ผู้สูงอายุ ๖๐ ปีขึ้นไป ให้แบบขั้นบันได จำนวน ๗.๓๔ ล้านคน
- มีสวัสดีการพื้นฐานแต่ดประชาชนทุกคน ดังนี้
- มีบริการทางสาธารณสุข ร้อยละ ๙๙.๘๗ คน
- ไฟฟ้าเข้าถึง ร้อยละ ๑๐๐ คน
- น้ำบริโภค ร้อยละ ๙๙.๓ คน
- มีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือร้อยละ ๗๙.๓ คน ของประชากรตั้งแต่ ๖ ปีขึ้นไป
- มีครัวเรือนเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ร้อยละ ๕๙.๘ คน
เป้าหมายที่ ๒) ขจัดความอดอยาก สร้างความมั่นคงทางอาหาร ยกระดับโภชนาการ และส่งเสริมเสริมเกษตรกรรมที่ยั่งยืน
- ตามข้อมูลขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FQA) บอกว่า คนไทยที่อยู่ในภาวะทุพโภชนาการลดลงจากร้อยละ ๓๔.๖ หรือ ๑๙.๘ ล้านคนในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ เหลือร้อยละ ๗.๔ หรือประมาณ ๕ ล้านคนในปี พ.ศ. ๒๕๕๙.... (ความจริงประเทศเราไม่ควรเกินร้อยละ ๒)
- ความชุกของคนเตี้ยแคระแกรน อยู่ที่ร้อยละ ๑๑.๙ ในปี ๒๕๔๘ ลดลงเป็น ร้อยละ ๑๐.๕ ในปี ๒๕๕๙
- ความชุกของคนผอมเพิ่มจากร้อยละ ๔.๑ ในปี ๒๕๔๘ เป็นร้อยละ ๕.๔ ในปี ๒๕๕๙
- ความชุกของคนอ้วนเพิ่มจากร้อยละ ๖.๙ ในปี ๒๕๔๘ เป็นร้อยละ ๘.๒ ในปี ๒๕๕๙
- สิ่งที่รัฐบาลทำที่ผ่านมา คือ
- ทำ พ.ร.บ. ควบคุมกรส่งเสริมตลาดอาหารทารกและเด็กเล็ก
- สิ่งที่จะทำ
- โครงการเกษตรอินทรีย์ ส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืน ให้ได้พื้นที่เพิ่มขึ้น ๕ แสนไร่ต่อปี เป็นเวลา ๕ ปี (๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) มีการทำ MOU กับจังหวัดยโสธร เพิ่มจาก ๓๕,๐๐๐ ไร่เป็น ๗๗,๐๐๐ ไร่ ภายใน ๓ ปี
- โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ มีอำเภอที่สมัครใจเข้าร่วม ๘๘๒ รวมทั้งสิ้น ๗๐,๐๐๐ ราย
เป้าหมายที่ ๓) สร้างหลักประกันการมีสุขภาพดีและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคนในทุกวัย
- ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ปี ๒๕๕๘ บอกว่า
- แม่คลอดลูกแล้วตาย ลูกรอด อยู่ที่ ๒๔.๖๐ คน ต่อ ๑๐๐,๐๐๐ คน
- เด็กคลอดตายอยู่ที่ ๓.๕ คนต่อ ๑,๐๐๐ คน และ ที่ตายภายใน ๕ ปีอยู่ที่ ๘.๖ คนต่อ ๑,๐๐๐ คน
- ในปี ๒๕๕๙ ข้อมูลจาก WHO (องค์กรอนามัยโลก) บอกว่า
- ไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่หยุดการแพร่เชื้อ HIV และซิฟิลิสจากแม่สู่ลูกได้สำเร็จ
- จำนวนผู้ป่วยเอดส์อยู่ที่ ๐.๑๖ คน ต่อ ๑๐๐,๐๐๐ คน เท่านั้น
- ส่วนโรคไม่ติดต่อ (NCD) เช่น หัวใจ หลอดเลือด มะเร็ง เบาหวาน และโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง อยู่ที่ ๑๖.๑๖ คน ต่อประชากรอายุ ๓๐-๗๐ ปี ๑๐๐,๐๐๐ คน
- ปัญหาเรื่องโรคซึมเศร้าของคนอายุ ๑๕ ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้น
- ตั้งแต่ปี ๒๕๔๕ เป็นต้นมา ประชากรทุกภาคส่วนมีสิทธิบัตรประกันสุขภาพตามหลักประกันสุขภาพทั่วหน้า
- ไทยได้ออก พ.ร.บ. ควบคุมยาสูบ
- ผู้ซื้อต้องอายุ ๒๐ ปีขึ้นไป
- ห้ามขายในลักษณะจูงใจให้บริโภค
- จำนวนผู้สูบบุหรี่ที่มีอายุตั้งแต่ ๑๕ ปีขึ้นไป ยังอยู่ที่ร้อยละ ๒๐.๗ ... โฮ่ ยังเยอะนะเนี่ย
- ปัญหาที่น่าเป็นห่วง
- วัยรุ่น ๑๕-๑๙ ตั้งครรภ์ สูงถึง ๔๗.๙ คนต่อ ๑,๐๐๐ คน ในปี ๒๕๕๗
- อุบัตเหตุทางถนน สูงถึง ๒๒.๓ คนต่อ ๑๐๐,๐๐๐ คน ในปี ๒๕๕๘
เป้าประสงค์ที่ ๔ สร้างหลักประกันว่า ทุกคนจะมีการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างครอบคลุมและเท่าเทียมและสนับสนุนโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต
- สิ่งที่ทำมา
- โครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุน รับทุนไปแล้วกว่า ๔,๐๐๐ คน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
- ร้อยละ ๙๐ คนของ ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๑๒ ปี
- สถานศึกษาพอเพียงและศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จำนวน ๒๑,๑๘๕ แห่ง
- สิ่งที่ต้องทำ (เขาเขียนว่า ท้าทาย) คือ
- ยกระดับคุณภาพการศึกษาและการสร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้
- จัดการความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น
เป้าหมายที่ ๕ บรรลุความเสมอภาคระหว่างเพศและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้หญิงและเด็กหญิงทุกคน
- สตรีมีสัดส่วนด้านแรงงานมากกว่าผู้ชาย คือ ร้อยละ ๖๐ แล้ว
- สตรีที่มีฐานะยากจนมีแนวโน้มลดลง อยู่ที่ร้อยละ ๖.๘ ในปี ๒๕๕๘
- สตรีมีตำแหน่งบริหารในภาคเอกชนสูงถึง ร้อยละ ๓๘
- ผู้หญิงทำงานต่อวันนานกว่าผู้ชาย ๘ ช.ม. ๓๓ นาที ต่อ ๘ ช.ม. ๑๒ นาที
- รัฐบาลทำอะไรแล้ว
- พ.ร.บ. ความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่ให้ความคุ้มครองและจัดการปัญหาความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก
- ปัญหาที่พบ
- ปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร คือสูงถึง ๕๘.๓ ๔๘.๘ และ ๔๗.๙ คน ต่อ ๑,๐๐๐ คน ในปี ๒๕๕๕ ๒๕๕๖ และ ๒๕๕๗ ตามลำดับ
เป้าหมายที่ ๖) สร้างหลักประกันให้มีน้ำใช้ และมีกาบริหารจัดการน้ำและการสุขภิบาลอย่างยั่งยืนสำหรับทุกคน
- ปี ๒๕๕๗ ประชากรร้อยละ ๙๙.๘๐ มีส้วมถูกสุขลักษณะ และร้อยละ ๙๙.๔๖ มีน้ำสะอาดบริโภค
- ปี ๒๕๕๗ พื้นที่ป่าไม้ของไทย มีประมาร ๑๐๒.๒๘ ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ ๓๑.๖๒ ของพื้นที่ทั้งหมด... กำหนดเป้าหมายการเพิ่มพื้นที่ป่าเป็นร้อยละ ๔๐ ในปี ๒๕๗๓
- ปัญหาคือ การจัดการน้ำเสีย ในปี ๒๕๕๘ แหล่งน้ำผิวดินร้อยละ ๒๖ ไม่อยู่ในเกณฑ์พอใช้ ต่อจำนวนแหล่งน้ำผิวดินที่มีการตรวจสอบทั้งหมด
เป้าหมายที่ ๗) สร้างหลักประกันว่าทุกคนเข้าถึงพลังงานสมัยใหม่ในราคาที่สามารถซื้อหาได้ เชื่อถือได้ และยั่งยืน
- ในปี ๒๕๕๙ ไทยมีร้อยละการใช้พลังทดแทนอยู่ที่ ร้อยละ ๑๓.๘๓ ตั้งเป้าหมายอยู่ที่ร้อยละ ๓๐ ในปี ๒๕๗๓
- ขณะนี้ได้จัดทำแผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๓ เรียบร้อยแล้ว
- ในปี ๒๕๕๙ ประเทศไทยมีกำลังไฟฟ้าที่ผลิตได้จากพลังงานแสงอาทิตย์อยู่ที่ ๒,๕๘๒.๐๔ เมกะวัตต์
เป้าหมายที่ ๘) ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง ครอบคลุมและยั่งยืน และมีผลิตภาพ และมีการงานที่มีคุณค่าสำหรับทุกคน
- ตั้งเป้า GDP อยู่ที่ ๑๓,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี ในปี ๒๕๗๓
- ตั้งเป้าว่า GDP จะโตร้อยละ ๕ ต่อปี
- ปี ๒๕๕๙ GDP อยู่ที่ ๖,๐๓๑.๗ ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี
- ได้ตั้งเป้าหมายไว้ หลายสาขา ดังนี้
- ภาคเกษตรกรรม ให้เติบโต ร้อยละ ๓.๐
- ภาคอุตสาหกรรม ให้เติบโต ร้อยละ ๔.๐
- ภาคบริการ ให้เติบโตร้อยละ ๖.๐
- ตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยว ไม่ต่ำกว่า ๓ ล้านล้านบาท
- สร้างความเข้มแข็งให้วิสาหกิจขนาดกลางเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔๕
- รัฐบาลได้น้อมนำเอาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตั้งแต่แผน ๙ เป็นต้นมา ..... (แต่เน้น GDP เป็นตามที่ อ.ยักษ์บอก เป็นแบบ Cosmetic Society)
- รัฐบาลได้ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจนำเอา "มาตรฐานธุรกิจเศรษฐกิจพอเพียง " หรือ Sufficiecy Economy Business Standard หรือ SEBS มาใช้ ซึ่งประกอบด้วย ๗ องค์ประกอบได้แก่
- ภูมิคุ้มกัน
- ความเพียร
- ความพอประมาณ
- ความโอบอ้อมอารี
- จริยธรรม
- การพัฒนาภูมิสังคม
- การคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่หลากหลาย
เป้าประสงค์ที่ ๙) สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีความต้านทานและยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ครอบคลุมและยั่งยืน และส่งเสริมนวัตกรรม
- แผน ๒๐ ปี จะมุ่งพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งขอไทยที่ยั่งยืนทุกรูปแบบ ได้แก่ ทางถนน ระบบราง ทางน้ำ และทางอากาศ
- พัฒนาระบบราง (รถไฟ) ในเมือง ๑๐ เส้นทาง ระยะทางประมาณ ๕๕๐ กิโลเมตร
- พัฒนาระบบรางระหว่างเมืองทั่วประเทศ คือ ทำรถไฟรางคู่
- ส่วนเมืองใหญ่จะมีการสนับสนุนการเชื่อมต่อด้วยระบบรางความเร็วปานกลางและความเร็วสูง ระหว่างประเทศ
เป้าหมายที่ ๑๐) ลดความไม่เสมอภาคภายในและระหว่างประเทศ
- กลุ่มประชากรที่มีรายได้ต่ำสุดขึ้นมาร้อยละ ๔๐ มีรายได้เฉลี่ยเพียง ๓,๓๕๓ บาทต่อคนต่อเดือนเท่านั้น ในขณะที่ ในปี ๒๕๕๙
- คนภาคตะวันออก มีรายได้เฉลี่ย ๔๓๒,๗๑๒ บาท ต่อคนต่อปี หรือ ๓๖,๐๕๙ บาทต่อคนต่อเดือน
- คนกรุงเทพฯ มีรายได้เฉลี่ย ๔๑๐,๖๑๗ บาท ต่อคนต่อปี หรือ ๓๔,๒๑๘ บาทต่อคนต่อเดือน
- คนอีสาน มีรายได้เฉลีย ๗๐,๙๐๖ บาท ต่อคนต่อปี หรือ ๕,๘๐๙ บาทต่อคนต่อเดือน
- ภาคเหนือ มีรายได้เฉลี่ย ๙๓,๐๕๘ บาท ต่อคนต่อปี หรือ ๗,๗๕๕ บาทต่อคนต่อเดือน
- ภาคกลาง มีรายได้เฉลี่ย ๒๕๑,๓๙๒ บาท ต่อคนต่อปี หรือ ๒๐,๙๔๙ บาทต่อคนต่อเดือน
- ภาคใต้ มีรายได้เฉลี่ย ๑๓๐,๙๗๘ บาท ต่อคนต่อปี หรือ ๑๐,๙๑๕ บาทต่อคนต่อเดือน
- ภาคตะวันตก มีรายได้เฉลี่ย ๑๓๕,๒๖๒ บาทต่อคนต่อปี หรือ ๑๑,๒๗๒ บาทต่อคนต่อเดือน
เป้าหมายที่ ๑๑) ทำให้เมืองและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มีความทั่วถึง ปลอดภัย พร้อมรับการเปลี่ยแปลง และยั่งยืน
- ขณะนี้ ที่ดินร้อยละ ๖๐ ของไทย อยู่ในกรรมสิทธิ์ของคนร้อยละ ๑๐
- ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ ๑๒ มีแนวทางการพัฒนาเมือง ดังนี้
- ทำผังเมืองให้เชื่อมโยงและยืดหยุ่นต่อภัยพิบัติ มีการจัดทำผังดังนี้
- ผังประเทศ
- ผังภาค ๖ ผัง
- ผังอนุภาค ๑๙ กลุ่ม
- ผังจังหวัด ๗๓ จังหวัด
- ความมั่นคงในที่ดิน คือ พัฒนากฏหมายการยึดครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน เช่น
- พ.ร.บ. ภาษีที่ดิน ในอัตราก้าวหน้า
- ความมั่นคงในที่อยู่อาศัย
- ในปี ๒๕๕๘ คนไทยมีอยู่ ๒๑.๓ ล้าน ครัวเรือน มีครัวเรือนที่ยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองอยู่ ๕.๘๗ ล้านครัวเรือน
- กลุ่มชุมชนบุกรุก คนไร้บ้าน ชุมชนแออัด ผู้มีรายได้น้อย เป็นจำนน ๑.๗๐๗,๔๓๗ ครัวเรือน
- ความร่วมมือระหว่างรัฐเอกชน ... จะทำ SMART CITY ... (เทเงินไปที่ลูกคนโตอีกแล้ว)
- การบริหารจัดการความเสี่ยงจาภัยพิบัติ
- เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับหน่วยงานท้องถิ่น ปรับโครงสร้างภาษาที่ดินและโรงเรือน ให้ท้องถิ่นจัดเก็บรายได้ของตนเอง
เป้าหมายที่ ๑๒) สร้างหลักประกันให้มีรูปแบบการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน
- ส่งเสริมให้ภาคเอกชนและประชาชนมีส่วนร่วมในการผลิตที่ยั่งยืน โดยส่งเสริมการติดฉลากเพื่อสิ่งแวดล้อม เช่น
- ฉลากเขียว
- ฉลากคาร์บอน
- สำนักงานสีเขียว
- ฯลฯ
- ส่งเสริมอุตสหรรมสีเขียว (Green Industry)
- โครงการจัดซื้อสินค้าและบริการเพื่อสิ่งแวดล้อม
- โครงการเมืองน่าอยู่
เป้าหมายที่ ๑๓) ดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงภาพภูมิอากาศและผลกระทบ
- ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในลำดับที่ ๑๒ ของโลก ที่เสียงต่อการเปลี่่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
- ในแผนประเทศ มีบทรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแล้ว พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๙๓
- มีการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมนานาชาติด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ เพื่อพัฒนา เผยแพร่ และสร้างความตระหนักเกี่ยวกับปัญหาการเปลียนแปลงภูมิอากาศ
- มีความร่วมมือกันระหว่างองค์กรบริหารจัดการก๊าฐเรือนกระจกทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยเฉพาะ องค์ JICA ของญี่ปุ่น
เป้าหมายที่ ๑๔) อนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน
- ประเทศไทยมีชายฝั่งทะเลยาวถึง ๓,๑๔๘ กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ถึง ๒๓ จังหวัด
- ประเทศไทยประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงมากในการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลน
- แต่ปัญหาที่ไม่สามารถบรรลุเป้าของ MDGs คือ การอนุรักษ์ความหลากหลายของสัตว์น้ำ
- ปัญหาน้ำกัดเซาะ ถึง ๘๓๐ กิโลเมตร
- แนวปะการังร้อยละ ๘๐ อยู่ในภาพเสียหายถึงเสียหายมาก
- สัตว์ทะเลหายาก เช่น พะยูน เต่าทะเล โลมา และปลาวาฬ ร้อยละ ๔๐ มีแนวโน้มเข้ามาเกยตื้นมากขึ้น
- ปัญหาการใช้ทะเลที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เกษตรกรรม อุตสาหกรรม การตั้งถิ่นฐาน การประมง การท่องเที่ยว ทำให้เกิดมลภาวะทางน้ำและขยะทะเล
เป้าหมายที่ ๑๕) ปกป้องฟื้นฟูและส่งเสริมการใช้ระบบนิเวศบนบกอย่างยั่งยืน การบริหารจัดการป่าไม้ที่ยั่งยืน การต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย หยุดยั้งการเสื่อมโทรมของดิน และหยุดยั้งความสูญเสียทางชีวภาพ
- ในปี ๒๕๐๔ ประเทศไทยมีป่าไม้ ๑๗๑ ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ ๕๓.๓ ของพื้นที่ประเทศไทย
- ในปี ๒๕๕๗ ประเทศไทยเหลือป่าเพียง ๑๐๒.๓ ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ ๓๑.๖ ของพื้นที่ประเทศไทย เท่านั้น
- รัฐบาลตั้งเป้าเพิ่มจำนวนป่าไม้เป็นร้อยละ ๔๐ ในปี ๒๕๖๔ วิธีการคือ
- ปลูกป่าเพิ่ม ในเขตพื้นที่ของรัฐ โดยปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ ปลูกในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ส่งเสริมให้มีการปลูกป่าเศรษฐกิจ ส่งเสริมการจัดตั้งป่าชุมชน
- ปรับปรุง พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙
- สนับสนุนกลไกทางการเงินเพื่อการปลูกป่า เช่น
- การออกพันธบัตรป่าไม้
- ธนาคารต้นไม้
- กองทุนส่งเสริมการปลูกป่า
- การส่งเสริมการทำวิจัยและพัฒนาการปลูกพืชแซมในสวนป่า
- การทำวนเกษตร
- ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ระดับชนิดพันธุ์ และพันธุกรรมระดับสูง โดยมีพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพื่อพิทักษ์ความหลากหลายถึง ๗๓ ล้านไร่
- ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ตั้งแต่ปี ๒๕๒๖ และประกาศ พ.ร.บ. ป่าสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า มาตั้งแต่ ๒๕๓๕
- ประเทศไทยเก่งเรื่องการเลี้ยงช้าง การอนุรักษ์ช้าง การป้องกันการรอบค้าช้าง มีการจัดทำระบบระเบียนข้อมูลช้าง
เป้าหมายที่ ๑๖) ส่งเสริมสังคมทีสงบสุขและครอบคลุม ที่เอื้ัอต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ให้ทุกคนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม และสร้างสถาบันที่มีประสิทธิภาพ มีความรับผิดชอบ และทุกคนสามารถเข้าถึงในทุกระดับ
- มีกรอบการป้องกันอาญชญากรรม ได้แก่
- สร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย
- สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน
- ลดอัตราการทำผิดซ้ำ
- เฝ้าระวังกลุ่มเสียง
- ลดโอกาสการตกเป็นเหยื่อ
- ประเด็นอื่นๆ ไม่ได้กล่าวถึงมากนัก ... เราท่านก็พอรู้ว่า เรากำลังทะเลาะกันอยู่เลย
เป้าหมายที่ ๑๗) เสริมสร้างความเข็งแกร่งของกลไกการดำเนินงานและฟื้นฟูหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
- ประเทศไทยมีความตกลงคุ้มครองการลงทุนแล้วกับ ๔๔ ประเทศ เป็นประเทศที่
- กำลังพัฒนา ๒๑ ประเทศ
- ประเทศพัฒนาน้อย ๔ ประเทศ
- ประเทศไทยกำลังขับเคลื่อน SEP for SDGs Partnership และผลักดันให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาที่ยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในกรอบพหุภาคีต่างๆ
- ปัจจุบัน ไทยมีความร่วมมือ SEP for SDGs Partnership แล้ว ๑๐ ประเทศ ในกรอบความร่วมมือ ใต้-ใต้ และไตรภาคี และยังมีประเทศที่กำลังพัฒนาอีก ๑๕ ประเทศ ที่แสดงความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานการประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (Sustainable Community Development Model based on the Application of the Philosophy of Sufficiency Economy)
ผมสรุปมาถึงตรงนี้... รู้สึกภาคภูมิใจเหลือเกินที่ได้เกิดเป็นคนไทย ได้พบพระธรรมและคำสอนเรื่องหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง .... ขอจบอย่างมีความสุข ตรงนี้ครับ