วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ถอดบทเรียนรายวิชา ๐๐๓๕๐๐๑ หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน (๓) : บริการวิชาการสู่สังคม ณ บ้านแหย่ง ต.นาสีนวน อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม

ผลงานและผลการเรียนรู้ของนิสิต อันแสดงถึงความสำเร็จยิ่งของสาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ และรายวิชา ๐๐๓๕๐๐๑ หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน ประจำปีการศึกษา ๒-๒๕๖๐ เกิดขึ้นที่ชุมชนบ้านแหย่ง หมู่ที่ ๙ และหมู่ที่ ๒๕ ต.นาสีนวน อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ประมาณ ๑๐ กิโลเมตร จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ... โดยภาพรวมของการประกวดในงานมหกรรมนำเสนอผลงานและผลการเรียนรู้ของรายวิชาฯ กรรมการตัดสินบอกว่า ผลงานนี้ควรได้รับการยกย่องว่า Best Pactice (BP)  หลายๆ ด้าน ให้นิสิตรุ่นถัดๆ ไปได้นำไปศึกษา และได้มอบรับรางวัลรองชนะเลิสอันดับ ๑ ถึง ๒ ด้าน คือด้านคุณภาพงาน และการบูรณาการองค์ความรู้ในหลักสูตรไปใช้  และได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ ด้านคือ ด้านกระบวนการทำงาน และด้านความคิดสร้างสรรค์

๑) เวทีนำเสนอผลงานและผลการเรียนรู้ระดับคณะ

ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าร่วมงานนำเสนอผลงานและคืนข้อมูลสุ่ชุมชน ในโครงการบริการวิชาการสู่สังคม (หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน) ของคณะพยายบาลศาสตร์ ในวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๑ ณ ชุมชนบ้านแหย่ง จึงมีโอกาสได้สัมผัสกับความสำเร็จดังกล่าวโดยตรง ได้สัมภาษณ์และสนทนากลุ่มกับชาวบ้าน ผู้นำชุมชน ผู้แก่แม่เฒ่าที่ได้มาร่วมงาน นานพอสมควร และเมื่อนำข้อสะท้อนผลมาถามนิสิตและอาจารย์ จึงได้ทราบเรื่องราว เหตุผล กลยุทธ์และกระบวนการทำงานของนิสิตพอสมควร ... จึงขอนำเสนอผลงานนี้ด้วยการเล่าเรื่อง (Story Telling) พอสังเขป ดังนี้


คณะพยาบาลศาสตร์ให้ความสำคัญกับโครงการนี้มาก และบูรณาการทั้งบุคลากร พันธกิจด้านพัฒนาจิตอาสาของนิสิต โรงเรียนผู้สูงอายุ และให้การสนับสนุนงบประมาณจัดงานนี้ร่วมด้วย คณบดีท่านมาเปิดงานด้วยตนเองนอกพื้นที่มหาวิยาลัย (ในหมู่บ้านเล็กๆ) แสดงว่างานนี้มีความสำคัญต่อใจของท่านเช่นกัน

ในงานมีชาวบ้านและผู้นำชุมชนมาร่วมงานจำนวนมาก เกือบทั้งหมดเป็นผู้สูงอายุที่มีปัญหาต่างๆ ในชุมชน ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายเฉพาะสำหรับโครงการครั้งนี้ที่บูรณาการกับโรงเรียนผู้สูงอายุของคณะพยาบาล (ซึ่งประสบผลสำเร็จมาก ติดตามได้ที่นี่ครับ) ... ขอเล่าด้วยภาพ









๒) กระบวนการศึกษาชุมชน  (กลุ่มเล็กในกลุ่มใหญ่ อีกโมเดลหนึ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่ง)

กระบวนการศึกษาชุมชนของคณะพยาบาลศาสตร์ สามารถสังเคราะห์ได้เป็น ๗ ขั้นตอน แสดงดังชาร์ทด้านล่างนี้ครับ



ขออธิบายเพิ่มเติมเล็กน้อย เพื่อให้เห็นจุดเด่น และจุดต่างจากแผนการเรียนรู้ส่วนกลาง ดังนี้

  • กระบวนการทั้งหมดแบ่งได้เป็น ๗ ขั้นตอน ได้แก่
    • กำหนดหัวเรื่องหลัก 
    • ลงพื้นที่สำรวจและศึกษาชุมชน
    • วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้และเขียนโครงการ
    • ลงพื้นที่ทำประชาพิจารณ์
    • จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ 
    • ลงพื้นที่ดำเนินการตามแผน
    • จัดเวทีคืนข้อมูลสู่ชุมชน 
  • เนื่องจากนิสิตยังไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับเครื่องมือและวิธีการศึกษาชุมชน จึงใช้เครื่องมือมาตรฐาน ที่อาจารย์ได้พัฒนาขึ้นใช้ในการทำโครงการวิจัยหรือโครงการบริการวิชาการของคณะฯ  ได้แก่ 
    • แบบสอบถาม 
    • แบบสัมภาษณ์ 
    • แบบสังเกต 
    • ฯลฯ
  • เป็นการบูรณาการองค์ความรู้และทักษะกระบวนการจากประสบการณ์การทำงานบริการวิชาการของคณาจารย์ที่ทำโครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน (โรงเรียนผู้สูงอายุ) ดังนั้น จึงกำหนดกลุ่มเป้าหมายเป็นชุมชนที่เหมาะสมต่อการเดินทางลงพื้นที่ของนิสิต และเลือกช่วงอายุของกลุ่มเป้าหมายให้เชื่อมโยงกับองค์ความรู้ของโรงเรียนผู้สูงอายุ ... นี่เป็นจุดเด่นที่สุดจุดหนึ่ง ซึ่งถือเป็นต้นแบบให้คณะวิชาอื่นๆ ได้หาทางบูรณาการตามนโยบายของรายวิชาเช่นนี้ 
  • มีการทำประชาพิจารณ์ เพื่อยืนยันความต้องการของชุมชนและสื่อสารทำความเข้าใจกับกลุ่มเป้าหมายและผู้นำชุมชน เพื่อให้การดำเนินงานราบรื่นและมีประสิทธิภาพ 
  • นิสิตรายบุคคลได้เรียนรู้และฝึกฝนการศึกษาชุมชนด้วยตนเอง ต่อเนื่องหลายสัปดาห์ จึงทำให้นิสิตทุกคนได้รับประสบการณ์การศึกษาชุมชน ... ตรงตามเจตนารมณ์ของรายวิชาอย่างยิ่ง
  • มีการจัดเวทีคืนข้อมูลสู่ชุมชน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับชุมชน โดยเฉพาะการส่งเสริมให้ชุมชนเกิดการเรียนรู้  ก้าวไปสู่ชุมชนแห่งการเรียนรู้ต่อไป  ซึ่งเป็นแนวทางที่สำนักศึกษาทั่วไปจะส่งเสริมให้เกิดขึ้นในทุกสาขาทุกคณะในภาคการศึกษาถัดไป  

๓) เกิดผลลัพธ์เชิงประจักษ์ต่อชุมชน (ชาวบ้านกลุ่มเป้าหมายมีเจตคติที่ดีต่อมหาวิทยาลัยมาก)

จากที่ผู้เขียนได้เข้าร่วมงานคืนข้อมูลสู่ชุมชน ได้พบและสนทนากับปู่ย่าตายายหลายคน ล้วนแล้วแต่ประทับใจในการมาบริการวิชาการของนิสิตเป็นอย่างยิ่ง บางคนถึงกับน้ำตาไหลเมื่อต้องเล่าถึงสภาพก่อนที่นิสิตจะเข้ามา ผู้ป่วยติดเตียงคนหนึ่งที่ไม่แม้แต่แขนขาก็ขยับไปมาไม่สะดวก เมื่อนิสิตมาช่วยทำกายภาพบำบัด และมาพูดคุยสนทนาด้วยจิตวิทยาเชิงบวก ท่านสามารถมาร่วมงานได้ และขยับแขนขาได้อย่างสะดวก

นิสิตแบ่งเป็นทั้งหมด ๖ กลุ่มย่อย แต่ละกลุ่มย่อยเลือกปัญหาต่างกัน ตามสภาพและลักษณะปัญหาของผู้สูงอายุ  ... ขอเล่าเรื่องประกอบภาพ ดังนี้



  • กลุ่มหนึ่ง สู้กับปัญหาอาหารไม่อร่อย ซึ่งทำให้ผู้สูงวัยต้องใช้ผงชูรสปริมาณมาก เพื่อลดปริมาณผงชูรส จึงทดลองและพัฒนา "ผงนัว" ขึ้นมาใช้แทน ...  ผมชิมแล้ว อร่อยจริง 


  •  หน้าตาผงนัว


  • ใส่ได้ทุกเมนู ... อยู่ในรูปนี้คือแกงเห็ด


  •  น้ำพริกปลาสด


  •  ยำสมุนไพร



  • วุ้นใบเตย


  • กลุ่มนี้เลือกปัญหา ช่วยชะลอโรคข้อ ข้อเข่าเสื่อม เนื่องจากพบว่า ผู้สูงวัยมีปัญหาด้านนี้มาก จึงคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ที่ทำจากวัสดุพื้นบ้านอย่างผ้าขาวม้า มาสอนให้ผู้สูงวัยใช้ออกกำลังกายในรูปแบบวิธีการที่ถูกต้อง 


  • ... เห็นนิสิตคุยกับผู้สูงวัย ... รู้สึกภูมิใจมากๆ ที่ได้มีส่วนร่วม



  • อีกกลุ่มหนึ่ง ช่วยทำผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรเพื่อส่งเสริมการผ่อนคลายและการนอนหลับ  อ่านแล้วท่านคงรู้ทันทีว่า ปัญหาคือ ท่านนอนไม่หลับ ท่านเครียด  
  • ไม่มีใครสามารถบังคับร่างกายตนเองให้หลับได้ สิ่งที่ทำได้ก็แค่ผ่อนคลาย แล้วปล่อยให้มันหลับเอง ปัญหาคือ ท่านไม่ผ่อนคลาย จึงเกิดแนวคิดการหาทางทำให้ท่านผ่อนคลาย และวัสดุที่มีและหาง่ายก็คือสมุนไพรในหมู่บ้านนั่นเอง 


  • เท้าและฝ่าเท้า คือจุดที่ทำให้คนเราผ่อนคลายได้ง่ายสุด  ... จึงมีธุรกิจสปาร์บาทาทั่วโลก  ... คิดถึงพ่อและแม่ที่ได้เคยล้างเท้าให้ท่านแบบนี้  ทุกครั้งที่ทำ เราจะรู้สึกดี ... จิตอาสาน่าจะพัฒนามาจากความรู้สึกดี มีความสุขที่ได้ให้แบบนั้น 


  • ท่านคณบดี กำลังทดสอบกลิ่นสมุนไพร ที่ใช้ให้ผ่อนคลายเมื่อได้รับกลิ่นหอมเย็น 


  • กลุ่มนี้พบ "ปัญญา" ของชุมชน เรื่องการทำน้ำพริกปลาป่น จึงนำมาแนวคิดนี้มาพัฒนาและต่อยอด ทำผลิตภัณฑ์บรรจุสวยงาม ... ผมได้รับมาทานที่บ้านนานนับเดือน ขอบคุณอีกครั้งครับ 
  • หน้าตาผลิตภัณฑ์น้ำพริกปลาป่นบ้านแหย่ง 
  • รูปแบบนี้คือน้ำพริกปลาป่นพร้อมเสริฟ


  • อีกกลุ่มหนึ่ง มุ่งไปที่การ "เดินเหินปลอดภัย ผู้สูงวัยไม่หกล้ม"  โดยใช้หนังยางมาถัก มัดกับท่อพีวีซี ทำเป็นที่จับหรือที่เหยียบ แล้วพาผู้สูงวัยใช้ทำกายภาพบำบัดอย่างถูกวิธี 



ขอจบเท่านี้ครับ .... ภูมิใจที่ได้ทำงานนี้ขึ้นเรื่อยๆ ครับ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น