วันพุธที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2561

รายวิชาศึกษาทั่วไป : ๐๐๓๖๐๐๖ ภาวะผู้นำ ๑-๒๕๖๑ (๘) วิพากษ์ เค้าโครงการแก้ปัญหาขยะ

สัปดาห์ที่ ๙ ของกิจกรรมการเรียนรู้ หลังจากการบรรยายพิเศษของ ผศ.ดร.พีระศักดิ์ วรฉัตร (อ่านได้ที่นี่) นิสิตแต่ละกลุ่มได้นำเสนอเค้าโครงการของตนเองต่อหน้าอาจารย์ แม้บางท่านจะติดประชุมแต่เรา Team Teaching ก็มากันครบถ้วนครับ บันทึกนี้เอาความคิดของนิสิตมาบันทึกไว้ เปรียบเทียบกับภาคเรียนต่อไปครับ

๑) กลุ่มโลมาน้อย



  • ชื่อโครงการ 
    • ชื่อ "ปลูกจิตอาสา กำจัดขยะ กำจัดมลพิษ"  
    • วิพากษ์
      • เป็นชื่อที่ไม่ค่อย Specific เท่าใดนักครับ จะทำหลายอย่างเกินไป แต่ละคำก็กินความหมายกว้าง 
      • เป็นชื่อที่ไม่ค่อย Attainable เท่าใดนักครับ คืออ่านไม่เชื่อว่าจะสามารถทำให้สำเร็จได้จริง 
      • จึงเป็นชื่อที่ไม่ค่อยดีครับ .... ขออ่านต่อไปให้จบ ก่อนจะกลับมาแนะนำชื่อที่เหมาะสมนะครับ 
  • หลักการและเหตุผล 
    • จากการลงพื้นที่สำรวจในจุดที่ ๑๐ จากการสังเกตจะเห็นว่าขยะมีปริมาณมาก เป็นขยะที่เกิดจากการทิ้งของหอพักรอบ ๆ บริเวณจุดสำรวจ ซึ่งขยะดังกล่าวเกิดจากการสะสมของปริมาณขยะเพิ่มมากขึ้น เป็นเดือนต่อเดือน โดยจากการสำรวจบริเวณนั้นเป็นระยะเวลา ๑ เดือน มีการเก็บขยะเดือนละครั้ง และขยะไม่มีการคัดแยก แต่ถ้าเราสามารถนำขยะมาแยกและนำส่วนที่ขายได้แยกออกจะช่วยสร้างมูลค่าและยังเป็นการเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนขยะที่สามารถนำกลับมาสร้างมูลค่าหรือนำมารีไซเคิลได้นั้นก็จะเป็นการประหยัดพื้นที่ในการทิ้งขยะหรือทำให้ขยะในพื้นที่ในการทิ้งขยะหรือทำให้ขยะในพื้นที่ดังลดลงได้อีกด้วย 
    • วิพากษ์ 
      • ควรเขียนแยกประเด็นครับ ๑ ย่อหน้า ๑ ประเด็น   สภาพปัญหา แนวทางการแก้ไข และประโยชน์ที่คาดจะได้รับ อยู่คนละย่อหน้า 
      • เห็นสภาพปัญหา ณ สถานที่จริงพอสมควรครับ แต่ยังไม่ชัดเจนหรือน่าเชื่อถือเพียงพอ เช่น 
        • จุดที่ ๑๐ คือที่ไหน ใคร ๆ ก็จำบ่ได้ดอกครับ
        • ขยะปริมาณมาก ... มากแค่ไหน ควรศึกษาค้นคว้าให้ได้ปริมาณ กี่ตันต่อวัน 
        • ฯลฯ 
      • สามารถเขียนภาษาให้กระชับได้มากขึ้นครับ  หลักการคือ ตัดประโยคที่ไม่จำเป็นออก หมายถึง หากไม่มีประโยคนั้น หรือคำนั้น ความหมายก็ไม่เปลี่ยน เช่น 
        • จากการลงพื้นที่.... จากการสังเกต..... จากการทิ้ง.....   คำว่าจากการ สามารถตัดออกได้เป็น  จากการลงพื้นที่.... สังเกตพบว่า ..... เกิดจากหอพักรอบ ๆ .... 
        • ฯลฯ 
  • วัตถุประสงค์ 
    • ลดจำนวนขยะและลดค่าใช้จ่ายลง 
      • วิพากษ์ 
        • มีสองประเด็นในข้อเดียว ถือว่าใช้ไม่ได้  จะลดปริมาณขยะ หรือจะลดค่าใช้จ่าย
        • ใช้ภาษาพูด "ลดค่าใช้จ่ายลง" ... ควรใช้ภาษาเขียน เช่น "เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะ" เป็นต้น 
    • สร้างรายได้จากการขายขยะ 
      • วิพากษ์ 
        • นิยมเขียนเริ่มต้นด้วยคำคว่า "เพื่อ"  เป็น "เพื่อสร้างรายได้จากการจำหน่ายขยะ" เป็นต้น 
    • กำจัดขยะอย่างถูกวิธี
      • วิพากษ์
        • เหมือนจะดี แต่ไม่  specific คือไม่ชัดเจน ว่าจะกำจัดปริมาณเท่าใด หรือที่ไหน
        • จึงไม่ attainable คือดูเหมือนจะทำให้สำเร็จได้อย่าง ปฏิบัติไม่ได้จริง 
        • ฯลฯ 
  • เป้าหมายความสำเร็จ
    • นิสิตเขียน
      • ลดขยะลงในได้ ๑/๓ ของขยะที่เดิม ที่มีปริมาณขยะที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือน 
    • วิพากษ์
      • ใช้คำฟุ่มเฟือย ซ้ำซ้อน ต้องเขียนใหม่ เป็น "ปริมาณขยะลดลงอย่างน้อยร้อยละ ๓๓  ต่อเดือน" 
  • วิธีการดำเนินโครงการ
    • นิสิตเขียน
      • จากเดิมที่เป็นกองขยะ เราจะแป่งเขตออกเป็นสองส่วน คือส่วนแรกเป็นขยะที่มีมูลค่าสามารถนำไปขายและสร้างรายได้และส่วนที่สองคือส่วนที่ไม่มีประโยชน์และไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ 
    • วิพากษ์ 
      • จับความได้ว่าวิธีการดำเนินโครงการคือ "ดำเนินการคัดแยกขยะที่มีมูลค่าเพื่อนำไปขาย" .... เท่านี้ครับ อย่างอื่นไม่ทราบเลย ว่า จะทำอย่างไร มีกี่ขั้นตอน  
      • สืบค้นเรียนรู้ต่อไปครับ ....
  • ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 
    • นิสิตเขียน
      • สามารถนำขยะที่มีประโยชน์ไปสร้างมูลค่าได้
      • ปริมาณขยะลดลง 
      • สร้างความเป็นระเบียบเรียงร้อยมากขึ้นในการจัดการขยะ 
      • มีส่วนร่วมในการจัดการขยะและรักษาสิ่งแวดล้อม
      • สร้างจิตสำนึกในการคัดแยกขยะให้กับคนในชุมชน 
      • แบ่งเบาภาระหน้าที่ของการกำจัดขยะของหน่วยงานส่วนที่เกี่ยวข้อง
      • เริ่มมีการคัดแยกขยะ
      • ทราบถึงปริมาณขยะในพื้นที่ดังกล่าว
      • ได้ทราบถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นและที่มาของขยะ
      • เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้หน้าอยู่
      • สามารถนำความรู้ที่ได้จากการคัดแยกขยะมาใช้ในชีวิตประจำวันให้เกิดประโยชน์มากขึ้น
      • เพื่อศึกษาค้นคว้าการดำเนินโครงการที่ได้รับมอบหมาย 
    • วิพากษ์
      • หลายประเด็นทับซ้ำกัน ซ้ำซ้อนกัน เป็นเหตุเป็นผลกัน ควรเขียนรวบประเด็นไว้ด้วยกัน ให้ครอบคลุมเช่น 
        • กลุ่มเป้าหมายมีรายได้จากการขายขยะ 
        • กลุ่มเป้าหมายมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการขยะที่ถูกต้อง
        • กลุ่มเป้าหมายสามารถคัดแยกขยะอย่างถูกต้อง 
      • เป็นต้น 
๒) กลุ่มช้างน้อย



  • ชื่อโครงการ 
    • ชื่อ "โครงการขยะแลกใจใส่ถุง" ... เป็นชื่อที่ดีมากชื่อหนึ่งครับ เพราะแสดงให้เห็นแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน และสั้นกระทัดรัด แถมยังกินความหมายลึกซึ้งถึงใจ 
  • หลักการและเหตุผล
    • ในปัจจุบันปัญหาขยะเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มีความสำคัญของทุกหน่วยงานทั้งในระดับชุมชนและระดับประเทศ และต้องการความร่วมมือจากสถานศึกษาระดับมหาวิทยาลัยที่มีจำนวนนิสิต บุคลากรจำนวนมากจึงก่อให้เกิดปัญหาขยะจำนวนมากภายในมหาวิทยาลัย การเพิ่มขึ้นของขยะในมหาวิทยาลัยก่อให้เกิดปัญหาความน่าอยู่ ความสะอาด และก่อให้เกิดความรำคาญด้านกลิ่นเหม็นรบกวน รวมทั้งแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์พาหะนำโรค นอกจากนี้การแก้ไขปัญหาให้ได้ผลระยะยาวนั้น เราต้องเริ่มจากจุดเล็ก ๆ ก่อน ด้วยการปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีในเรื่องการทิ้งขยะให้กับนิสิตได้เห็นความสำคัญและประโยชน์ของการคัดแยกขยะโดยอาจจะเริ่มจากภายในมหาวิทยาลัยก่อน เมื่อนิสิตจัดแยกขยะและทิ้งให้เป็นที่ทำให้มหาวิทยาลัยสะอาด มีบรรยากาศที่เหมาะสมแก่การเรียนรู้ ดังนั้น โครงการนี้จึงมีเป้าหมายในการสร้างจิตสำนึกให้กับนิสิตและบุคลากรได้ตระหนึกถึงปัญหาขยะภายในมหาวิทยาลัย 
    • วิพากษ์ 
      • ต้องพัฒนาเรื่องการใช้เว้นวรรค อย่างมาก ๆ ครับ  การเว้นวรรคที่เหมาะสมจะทำให้เข้าใจความหมายที่ต้องการสื่อ 
      • การใช้คำเชื่อมต่อประโยชน์ และการขยาย หรือเพื่อการแสงความเป็นเหตุเป็นผล ต้องพัฒนาอีกครับ 
      • ใช้คำซ้ำซ้อน สามารเขียนให้กระชับมากขึ้นได้มาก มีหลายคำที่สามารถตัดออกได้โดยความหมายไม่เปลี่ยนไป 
      • ยังขาดข้อมูลเชิงปริมาณ หรือ ข้อมูลที่แสดงถึงความรุนแรงของปัญหา 
    • ตัวอย่างการเขียน 
      • ปัจจุบัน ทุกหน่วยงานทั้งระดับชุมชนและระดับประเทศกำลังหันมาให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาขยะ โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัยที่มีจำนวนนิสิตและบุคลากรจำนวนมาก ๆ ขยะปริมาณมากในแต่ละวันไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกวิธี ส่งกลิ่นเหม็นและทำลายทัศนีภาพที่ดี 
      • จากการสำรวจพบว่า มีปริมาณขยะเฉลี่ยต่อวันจากชุมชนรอบ ๆ มหาวิทยาลัยมหาสารคามมากถึง ๔๐ ตัน เทศบาลตำบลขามเรียงและเทศบาลตำบลท่าขอนยางสามารถเก็บขนรวมกันได้เพียงวันละ ๒๐ ตันเท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นขยะตกค้างสะสม ปัญหาหลักในการเก็บขนคือการไม่คัดแยกขยะของประชากรแฝงที่มาอาศัยอยู่ในเขตเทศบาล ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นนิสิตนักศึกษาที่มาเรียนในมหาวิทยาลัย 
      • การสร้างจิตสำนึกรับผิดชอบร่วมกันในการจัดการขยะ  และร่วมมือกันคัดแยกขยะอย่างจริงจังทั้งภายในมหาวิทยาลัยและในหอพักที่อาศัย จะสามารถลดปริมาณขยะต่อวันมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งจะทำให้สามารถเก็บขนไปจัดการอย่างถูกวิธีได้ทั้งหมด 
      • โครงการ.......... นี้ จึงมุ่งส่งเสริมและปลูกฝังจิตสำนึกสาธารณะ ด้วยการรณรงค์....... อันจะก่อให้เกิดความตระหนักร่วมกันมากขึ้นถึงปัญหาขยะ และช่วยกันคัดแยกขยะในเขตพื้นที่ ....... ของตนเอง 
  • วัตถุประสงค์โครงการ 
    • เพื่อสร้างแรงจูงใจให้นิสิตและบุคลากรในการรักษาสิ่งแวดล้อม
    • วิพากษ์
      • วัดได้ยากครับ ไม่ Measurable
      • ปฏิบัติบรรลุผลได้ยากครับ ไม่ Attainable 
      • ควรเปลี่ยนเป็นการส่งเสริม ซึ่งจะสามารถประเมินจากกิจกรรมที่ทำหรือคนที่เข้าได้ครับ 
    • เพื่อให้นิสิตและบุคลากรตระหนักถึงปัญหาขยะในมหาวิทยาลัย
    • วิพากษ์
      • เป็นประเด็นเดียวกับวัตถุประสงค์ข้อแรกครับ เพียงแต่จำเพาะเจาะจง Specific มากกว่า  คือระบุปัญหาหรือเนื้อหาที่จะทำชัดเจนกว่า ...  อันนี้ดีกว่าอันแรก ... แต่ก็ยังไม่ดี เพราะยังไม่ Measuable และ ไม่ Attainable 
  • วิธีการดำเนินโครงการและแผนการดำเนินงานที่เขียนเป็นแผนตารางแบบ Grant Chart ทำได้ดีครับ  
(ขอแชร์มาให้อ่านพอเป็นพิธีเท่านี้ก่อนนะครับ)
ป.ล. เท่าที่อาจารย์อ่านดู เกือบทุกกลุ่มจะยังมีข้อที่ต้องพัฒนาอีกเยอะมาก อาจจะเป็นครั้งแรกของหลาย ๆ คน ในการเขียนโครงการ  ดังนั้นอาจารย์จึงจะขอไปเอาผลการเขียนรายงานสุดท้ายที่ส่งมา มาตรวจ เพื่อส่งกลับให้ไปแก้ไข 

วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

รายวิชาศึกษาทั่วไป : ๐๐๓๖๐๐๖ ภาวะผู้นำ ๑-๒๕๖๑ (๗) การบริหารจัดการโครงการ

สัปดาห์ที่ ๙  (สัปดาห์ที่ ๘ ทดสอบกลางภาคเรียน) เป็นการลงพื้นที่สำรวจปัญหา ณ พื้นที่จริง และวางแผนการทำโครงการและเขียนโครงการ โดยเรียนรู้จากการฟังบรรยายเรื่องการเขียนโครงการและการบริหารจัดการโครงการจาก ผศ.ดร.พีระศักดิ์ วรฉัตร (เสียดายที่ผมไม่ได้บันทึกเสียงบรรยายท่านไว้ทบทวน) อย่างไรก็ตาม ท่านก็ได้ส่งสไลด์บรรยายมาให้ก่อนท่านจะบรรยาย ๑ สัปดาห์ ขออนุญาตนำมาเล่าต่อให้นิสิตและผู้สนใจได้ศึกษากันครับ
ผมขอใช้วิธีการตีความจากภาพและความทรงจำในการฟังบรรยายพร้อม ๆ กับ นิสิตในวันนั้น ดังสไลด์ต่อไปนี้ครับ  (หากท่านเห็นว่าผิดถูกหรือต้องการจะเพิ่มเติมอย่างไรแจ้งผมได้ทันทีนะครับ)

หลักการเบื้องต้นเกี่ยวกับการบริหารจัดการโครงการ



  • ผู้นำที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง ระดับที่เป็นประวัติศาสตร์ได้ ต้องมีความสามารถในการบริหารจัดการโครงการ (Project Management)



  • การบริหารจัดการโครงการ หมายถึง กระบวนการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ ทักษะ ทรัพยากร เครื่องมือ เทคนิค และการบริหารจัดการทรัพยากรต่างๆ ทั้งบุคคล ทุน วัสดุอุปกรณ์ เพื่อทำให้โครงการบรรลุเป้าหมายภายในเวลาที่กำหนด 

  • การดำเนินการบริหารจัดการโครงการ มีอย่างน้อย ๓ ขั้นตอนได้แก่ 
    • การวิเคราะห์ความเสี่ยง
    • การวางแผน 
    • การกำกับติดตาม
  • องค์ประกอบสำคัญของการบริหารจัดการโครงการได้แก่ 
    • บริหารความเสี่ยง
    • บริหารแผน วางแผน 
    • การควบคุมให้เป็นไปตามแผน
    • การบริหารความร่วมมือ
    • การสื่อสาร 
    • บริหารทุนหรืองบประมาณ
  • ทักษะที่จำเป็นสำหรับการบริหารจัดการโครงการ ได้แก่
    • ภาวะผู้นำ
    • ทักษะการสื่อสาร
    • ความสามารถในการวางตาราง(ปฏิทิน)การทำงาน
    • ทักษะในการจัดการความเสี่ยง
    • การจัดการทุน
    • การเจรจาต่อรอง
    • ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
    • การบริหารจัดการงาน
    • การบริหารจัดการคุณภาพ 
    • การไม่ตื่นข่าวลือ การกรองข่าว


  • ๑๐ สิ่งที่คุณต้องรู้เพื่อการบริหารโครงการ 
    • การบูรณาการโครงการ
    • การกำหนดขอบเขตโครงการ
    • การบริหารจัดการเวลา
    • การบริหารจัดการทุนหรืองบประมาณ
    • การบริหารจัดการคุณภาพ
    • การบริหารจัดการคน
    • การบริการจัดการการสื่อสาร
    • การบริหารจัดการความเสี่ยง
    • การบริการจัดการการจัดซื้อ
    • การบริหารผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 

  • กระบวนการ ๕ ขั้นตอนของการบริหารจัดการโครงการ ได้แก่
    • ขั้นศึกษาและวิเคราะห์ปัญหา
    • ขั้นเริ่ม เป็นการวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
    • ขั้นวางแผน
    • ขั้นการควบคุมและกำกับติดตาม 
    • ขั้นการปิดโครงการ 
  • แต่ละขั้นตอน มีรายละเอียด ดังนี้ 

  • ขั้นที่ ๑ ศึกษาและวิเคราะห์ปัญหา
    • เป็นปัญหาของใคร
    • ลักษณะของปัญหาเป็นอย่างไร
    • รุนแรงเพียงใด
    • มีผลกระทบอย่างไรบ้าง
    • มีความสำคัญ จำเป็น เร่งด่วน หรือไม่

  • ขั้นที่ ช่วงเริ่มต้น
    • กำหนดขอบเขตของโครงการ
    • กำหนดขนาดของโครงการ
    • กำหนดกิจกรมหรืองานที่จะต้องทำในแต่ละขั้นตอน 


  •  ขั้นที่ ๓ วางแผน
    • ผู้บริหารโครงการกำหนดกิจกรรมในแต่ละขั้นตอน 
    • ประมาณการการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ เช่น เวลา ต้นทุน แรงงาน ฯลฯ 
    • ผู้บริหารโครงการจัดตารางประเมินความเสี่ยงและกิจกรรมอื่น ๆ 


  •  ขั้นที่ ๔ การดำเนินการ
    • ทีมงานดำเนินการตามกิจกรรมที่กำหนดตามตารางหรือไม่
    • กำกับติดตามการทำงาน ดูแล สั่งการ และควบคุมการงานตามแผนงานที่กำหนด
    • ติดตามการเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงแก้ไขรายละเอียดของแผนงานให้เหมาะสมต่อสถานการณ์ปัจจุบันที่สุด 
    • รายงานความคืบหน้าให้ผู้มีอำนาจได้รับทราบ่ตามระยะเวลาที่กำหนด


  • ขั้นที่ ๕ การปิดโครงการ 
    • เป็นการดำเนินงานเมื่อเสร็จสิ้นโครงการแล้ว  เพื่อรับผิดชอบต่อสัญญาหรือการดำเนินงานโครงการ
    • หรือพิจารณาแก้ไขปัญหา ผลกระทบจากการดำเนินโครงการ 



  • หลักสำคัญในการทำโครงการและบริหารจัดการโครงการ ที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปคือหลัก SMART  คือทำให้โครงการให้เป็น "SMART Project" ได้แก่ 
    • Specific คือ การระบุเป้าหมายที่ชัดเจน ชัดเจนว่าต้องการอะไร เพื่ออะไร 
    • Measurable คือ วัดผลได้ ประเมินผลได้ว่า เป้าหมายนั้นสำเร็จหรือไม่ 
    • Attainable คือ สำเร็จได้จริง ปฏิบัติได้จริง ไม่เพ้อฝัน 
    • Relavant คือ สิ่งที่ทำนั้นมีความสัมพันธ์กับเป้าหมายใหญ่ขององค์กรหรือของสังคม สอดคล้องกัน 
    • Time limited คือ มีการกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จของโครงการที่ชัดเจน 
นิสิตสามารถอ่านรายละเอียดการเขียนโครงการ การประเมินผลการดำเนินโครงการ ได้ที่นี่ครับ 

บันทึกต่อไปจะนำเอาไอเดียของแต่ละกลุ่มมาเก็บไว้ให้เราสามารถพัฒนาไปเรื่อย ๆ ครับ 



วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

รายวิชาศึกษาทั่วไป : ๐๐๓๖๐๐๖ ภาวะผู้นำ ๑-๒๕๖๑ (๖) แผนที่เดินดิน

สัปดาห์ที่ ๗ ของการจัดการเรียนรู้รายวิชา ๐๐๓๖๐๐๖ ภาวะผู้นำ ประจำภาคเรียนที่ ๑-๒๕๖๑ เป็นกิจกรรมลงสำรวจพื้นที่รอบนอกมหาวิทยาลัย ให้ทุกกลุ่มได้ทดลองทำแผนที่เดินดิน ซึ่งเป็นเครื่องมือศึกษาชุมชนเบื้องต้น โดยกำหนดพื้นที่ชุมชนสองฝั่งข้างถนนจากมหาวิทยาลัยไปประตูทางเข้าทางบ้านดอนยม และแบ่งพื้นที่ย่อยๆ ให้แต่ละกลุ่มลงเดินสำรวจและเขียนแผนที่ ส่งมาในลักษณะในอัลบั้มของกลุ่มไลน์  ดังภาพ


ต่อไปนี้เป็นแผนที่เดินดินของแต่ละกลุ่ม  ขอนำเสนอพร้อมวิพากษ์ เพื่อให้นิสิตได้ทราบผลงานของตนเอง

๑) กลุ่มหมี


วิพากษ์

  • ไม่ระบุว่าจุดที่เท่าใด  
  • ไม่มีกำหนดทิศทางใด ไม่รู้ว่าถนนเส้นใด  
  • ไม่ระบุสัดส่วน หรือ ระยะห่างที่สำคัญ หรือสิ่งที่จะบ่งบอกถึงระยะทาง 
  • มีการระบายสีสวยดีพอสมควร 
  • คะแนนเต็ม ๑๐ ได้ ๕ คะแนน ครับ 
๒) กลุ่มแมวน้ำ



  • เป็นแผนที่เดินดินที่ค่อนข้างจะได้มาตรฐานดีครับ ดูแล้วรู้ว่าเป็นจุดใด (จุดที่ ๑๘) เมื่อเปรียบเทียบกับแผนที่ใหญ่ แม้ว่าจะไม่ระบุว่าทิศเหนือไปทางใด แต่ก็เข้าใจได้ด้วยแผนที่ใหญ่ครับ 
  • ตัวอักษรบอกรายละเอียดเล็กเกินไปและเลือนลาง อ่านลำบากมาก  (หัก ๒ คะแนนครับ)
  • ได้สัดส่วนเห็นตำแหน่งและตำแหน่งของอาคารสะถานที่ดี 
  • ถ้าระบายสี จะทำให้ดูง่ายและสวยงามมากขึ้น (หัก ๑ คะแนนครับ)
  • แสดงไว้ค่อนข้างชัดว่าจุดทิ้งขยะ จุดที่เป็นปัญหาอยู่ที่ใด 
  • คะแนนเต็ม ๑๐ ให้ ๗ คะแนนครับ 
๓) กลุ่มเสือ


  • บอกตำแหน่งว่าเป็นจุดที่ ๑๙ ชัดเจนครับ พร้อมระบุทิศตามมาตรฐานแผนที่ด้วยครับ 
  • การระบุสิ่งก่อสร้างและอาคารชัดเจนครับ พร้อมทั้งให้คำอธิบายได้ดีครับ 
  • เดินลึกเข้าไปไม่พอ น่าจะเดินสำรวจลึกเข้าไปให้เห็นภาพรวมของชุมชนมากขึ้น  (หัก ๑ คะแนน)
  • ถ้าระบายสีจะสวยงามและชัดเจนน่าดูมากขึ้นครับ (หัก ๑ คะแนน) 
  • ให้ชัดเจนว่าปัญหาขยะอยู่ตรงไหน 
  • คะแนนเต็ม ๑๐ ให้ ๘ คะแนนครับ 
๔) กลุ่มน้องช้าง


  • บอกตำแหน่ง แต่ไม่ได้บอกทิศทาง  (หัก ๑ คะแนนครับ)
  • ให้รายละเอียดได้ดีสำหรับอาคารสถานที่และสิ่งก่อสร้าง แต่ขาดสภาพพื้นที่อื่น เช่น ลักษณะป่า นาข้าว ฯลฯ ที่เป็นที่โล่ง (หัก ๑ คะแนนครับ)
  • ไม่เห็นข้อมูลเกี่ยวกับขยะใดๆ (หัก ๑ คะแนนครับ) 
  • คะแนนเต็ม ๑๐ ให้ ๗ คะแนนครับ 
๕) ผึ้งน้อย


  • ระบุจุดที่ได้รับมอบหมายชัดเจนครับ และบอกทิศทางเหนือใต้ชัดเจนครับ 
  • ให้รายละเอียดของอาคารสถานที่ ที่อยู่อาศัย ไม่ละเอียดพอครับ มีเพียงบางอาคารเท่านั้น (หัก ๑ คะแนนครับ)
  • กำหนดตำแหน่งของปัญหาได้ดีครับ 
  • แต่ไม่เห็นสัดส่วนหรือขนาดจริง ไม่มีข้อใดตรงไหนบอกให้พอคาดเดาได้ว่าระยะห่างมากน้อยเพียงใด (หัก ๑ คะแนนครับ)
  • ถ้าระบายสีจะชัดเจน สวยงาม (หัก ๑ คะแนนครับ)
  • ตัวอักษรขนาดเล็กและเลือนลาง (หัก ๑ คะแนนครับ)
  • คะแนนเต็ม ๑๐ ได้ ๖ คะแนนครับ 
๖) กลุ่มเพกาซัส


  • บอกตำแหน่งเป็นจุดที่ ๕ ชัดครับ ไม่มีบอกทิศเหนือใต้ (หัก ๑ คะแนน)
  • ไม่มีรายละเอียดของอาคารสิ่งก่อสร้าง และจุดที่เป็นปัญหา (หัก ๒ คะแนนครับ)
  • สวยงามเหมือนจจริงครับ แต่ไม่บอกหรือสื่อสารเรื่องขนาดกับผู้ดูภาพ (ห้ก ๑ คะแนนครับ)
  • คะแนนเต็ม ๑๐ ให้ ๖ คะแนนครับ
๗) กลุ่มฉลาม


  • เขียนภาพได้สวยงามมากครับ และให้รายละเอียดของภาพดีมาก สะท้อนถึงความใส่ใจและตั้งใจในการทำงานชิ้นนี้อย่างยิ่ง 
  • บอกจุดที่ ๑๖ ที่ได้รับมอบหมายชัดเจนครับ แต่ไม่มีทิศทางในแผนที่ (หัก ๑ คะแนนครับ)
  • ไม่ระบุจุดที่เกิดปัญหา (หัก ๑ คะแนน)
  • คะแนนเต็ม ๑๐ ให้ ๘ คะแนนครับ 
๘) กลุ่มแมวน้อย



  • วาดภาพได้สมจริงและระบายสีสวยงามมาก (ต้องได้อย่างต่ำ ๕ คะแนนครับ)
  • บอกตำแหน่งจุดที่ได้รับมอบหมาย แต่ไม่บอกทิศทางใด (หัก ๑ คะแนนครับ)
  • ไม่มีรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับอาคารสถานที่ สิ่งก่อสร้าง (หัก ๑ คะแนนครับ)
  • ไม่แสดงหรือสะท้อนจุดที่มีปัญหา เช่น ตำแหน่งทิ้งขยะ หรือตำแหน่งที่พบขยะ (หัก ๑ คะแนนครับ)
  • คะแนนเต็ม ๑๐  ให้ ๗ คะแนนครับ 
๙) กลุ่มจิ้งจอก


  • ระบุตำแหน่งตามที่ได้รับมอบหมาย (จุดที่ ๔) แต่ไม่ได้มีบอกทิศทางใดๆ (หัก ๑ คะแนนครับ)
  • ระบุดตำแหน่งของปัญหา 
  • ไม่ระบบระยะหรือสัดส่วนใดๆ ไม่สมจริง (หัก ๑ คะแนนครับ)
  • ไม่มีรายละเอียดของสถานที่ รั้วรอบ ขอบกั้นมใดๆ (หัก ๑ คะแนนครับ)
  • ไม่ได้วาดตามสัดส่วนจริง สะท้อนเพียงแค่ตำแหน่ง เหมือนเขียนไว้บอกทางเท่านั้น ไม่ใช่การสำรวจจริงๆ (หัก ๑ คะแนนครับ)
  • คะแนนเต็ม ๑๐ ได้ ๖ คะแนน
๑๐) กลุ่มสิงโตผู้น่ารัก


  • ระบุจุดที่ได้รับมอบหมาย แต่ไม่ได้บอกทิศทาง (หัก ๑ คะแนนครับ)
  • ไม่มีรายละเอียดของขอบเขต พื้นที่ ไม่เห็นสภาพของพื้นที่ (หัก ๑ คะแนนครับ)
  • ไม่มีข้อมูลสัดส่วน หรือระยะห่างที่สำคัญๆ ใดๆ  (หัก ๑ คะแนนครับ)
  • คะแนนเต็ม ๑๐ ให้อย่างมาก ๗ คะแนน
๑๑) กลุ่มทาคิน 


  • ระบุจุดที่ได้รับมอบหมายแต่ไม่บอกทิศทาง ตามมาตรฐานแผนที่ (หัก ๑ คะแนนครับ)
  • เป็นแผนที่เดินดิน ที่ผู้วาดตั้งใจ ใช้ความเพียร และใส่ในการทำมาก บูรณาการงานศิลปะ ทำให้น่าดู สวยงาม 
  • แสดงจุดที่เป็นปัญหา 
  • ขาดสัดส่วนและความสมจริงไปนิดครับ (หัก ๑ คะแนนครับ) 
  • คะแนนเต็ม ๑๐ ให้ ๘ คะแนนครับ
๑๒) กลุ่มกระทิง



  • ดูสวยงามและประณีตดีครับ แต่อาจารย์สงสัยว่าใช่จุดที่ได้มอบหมายไหมครับ  กลุ่มกระทิงได้จุดที่เท่าใดครับ

๑๓) กลุ่มโลมา



  • บอกตำแหน่งที่มอบหมาย แต่ไม่บอกทิศทางตามมาตรฐานแผนที่ (หัก ๑ คะแนนครับ)
  • ใช้สัญลักษณ์มากไปครับ เลยทำให้ดูยาก แม้ว่าจะดูสวยงามดีที่มีสีสัน
  • ไม่ได้แสดงสัดส่วนหรือระยะห่างที่สำคัญๆ (หัก ๑ คะแนนครับ)
  • ไม่ได้ระบุจุดปัญหาหรือสภาพปัญหาที่เกี่ยวข้องกับประเด็นขยะที่สนใจ (หัก ๑ คะแนนครับ)
  • คะแนนเต็ม ๑๐ ให้ ๗ คะแนนครับ 
๑๔) กลุ่มหมาป่าจ่าฝูง



  • ไม่ระบุจุดที่ได้รับมอบหมาย ไม่ทราบตำแหน่งเลยครับ (หัก ๑ คะแนนครับ)
  • ไม่ระบุทิศทางตามมาตรฐานแผนที่ครับ (หัก ๑ คะแนนครับ)
  • มีรายละเอียดที่สมจริงพอสมควรครับ 
  • หากเติมสีสันจะสวยงามครับ (หัก ๑ คะแนนครับ)
  • ได้ไป ๗ คะแนน เต็ม ๑๐ ครับ 
๑๕) กลุ่มแกะ



  • ระบุตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย เสียดายที่ไม่ได้ระบุทิศทางครับ 
  • สวยงามสร้างสรรค์และให้รายละเอียดได้ดีครับ  
  • ให้คะแนนสูงถึง ๙ คะแนน เต็ม ๑๐ คะแนนครับ 

๑๖) กลุ่มนกฮูก



  • เอาไปเลย ๑๐ คะแนนครับผม

๑๗) กลุ่มมังกร



  • เสียดายที่ลืมบอกทิศทางตามมาตรฐานแผนที่ครับ 
  • และไม่เห็นการแสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับประเด็นขยะที่เราสนใจครับ 
  • ได้ ๘ คะแนนจากเต็ม ๑๐ คะแนนครับ 

๑๘) กลุ่มอินทรี



  • เอาไปเลย ๑๐ คะแนนครับ  ขอบคุณที่สร้างผลงานที่สวยงามครับ  แม้ว่าจะยังขาดสัญลักษณ์แสดงทิศทาง และระบุจุดแห่งปัญหาที่เราสนใจ 

๑๙) กลุ่มปลาทอง



  • ให้เพียง ๔ คะแนนครับ จาก ๑๐ คะแนน ให้ศึกษาจากที่ตรวจไปแล้วครับ 

๒๐) กลุ่มม้าขาว



  • สวยมากครับ ถ้าใส่รายละเอียดชื่อร้านค้าเข้าไปด้วยจะดีมาก 
  • ยังขาดการระบุจุดที่ได้รับมอบหมายและสัญลักษณ์ทิศทางครับ 
  • ให้ ๘ คะแนน เต็ม ๑๐ ครับ 

นิสิตที่รักครับ  กลุ่มใดที่ไม่พอใจคะแนนที่ได้ สามารถจัดทำขึ้นใหม่ หรือแก้ไขใหม่ แล้วส่งเข้าอัลบั้ม แล้วแจ้งอาจารย์มาได้ครับ จะเข้ามาแก้ไขบันทึกนี้ใหม่ครับ ... ทุกกลุ่มสามารถได้แก้ขจนได้ ๑๐ คะแนนเต็มครับ

หากช่วยกันสะท้อนเชิงบวกท้ายบันทึกนี้ ต่อภาวะผู้นำที่ตนเองได้เรียนรู้พัฒนาจากการเรียนรายวิชานี้จะดีมากครับ  (ขอเป็นเชิงบวกจะดีครับ จะได้มีกำลังใจไปต่อ)

วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

รายวิชาศึกษาทั่วไป: ๐๐๓๒๐๐๕ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๑-๒๕๖๑ (๑) "SDGs"

ปีการศึกษา ๑-๒๕๖๑ รายวิชา ๐๐๓๒๐๐๕ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนหลายอย่าง มีการเปลี่ยนให้ ผศ.ดร.เบ็ญจวรรณ ชุติชูเดช อาจารย์ผู้ประสานงานรายวิชานี้ตั้งแต่ก่อนจะปรับหลักสูตรฯ พ.ศ. ๒๕๕๘ กลับมาเป็นผู้ประสานงานใหม่อีกครั้ง (ผมถอยออกมาเป็นผู้ส่งเสริมหนุนเสริมในฐานะผู้บริหารและเป็นหนึ่งในอาจารย์ผู้สอน) และปรับเพิ่มเนื้อหาใหม่ให้ครอบคลุมเท่าทันการเปลี่ยนแปลงนโยบายเบื้องบนที่ขับเคลื่อนเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ของประเทศ

วันที่ ๒๔ - ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๑ สถาบันคลังสมองจัดหลักสูตรอบรมขยายผล (ขับเคลื่อน) "เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน" หรือ Sustainable Development Goals (SDGs) ผมสมัครไปร่วมในฐานะผู้บริหารของสำนักศึกษาทั่วไป พร้อมกับเพื่อนอาจารย์จาก มมส. อีก ๓ ท่าน  รศ.ดร.รังสรรค์ โฉมยา จากคณะศึกษาศาสตร์ ผศ.ดร.ชลธี โพธิ์ทอง ผู้ช่วยอธิการฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ และ ผศ.ดร.นิดา ชัยมูล รองคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ ในงานผมได้เจอ "ผู้นำ" แห่งการเปลี่ยนแปลงหลายท่าน  (ท่านไม่รู้จักผมดอก) รวมทั้ง อาจารย์พีรวัศ กี่ศิริ ที่คอยช่วยหนุนการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในโรงเรียนด้วย

กลับมาบ้าน (มมส.) ผมรีบนำเสนอหัวข้อ SDGs ให้เป็นบทเรียนหนึ่งในรายวิชา ๐๐๓๒๐๐๕ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในที่ประชุมอาจารย์ผู้สอน และอาสาเป็นผู้จัดเตรียมเอกสารและออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ ...ขณะนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ภาคเรียนที่ ๑/๒๕๖๑ นิสิตและนิสิตจะได้เรียนรู้เรื่องนี้ประมาณ ๔,๕๐๐ คน

ต่อมา วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๑ เราจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่อง SDGs นี้อีกครั้ง เพื่อให้อาจารย์ผู้สอนเข้าใจแนวทางการจัดการเรียนรู้ และได้ร่วมกันกำหนดขอบเขตและเป้าหมายของการสอนเรื่อง SDGs ก่อนจะจัดการเรียนรู้หลังการทดสอบกลางภาคเรียนที่ผ่านมา ...  เพื่อให้ตนเองเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้น และเผื่อว่านิสิตหรืออาจารย์อาจจะได้ประโยชน์ ผมจึงสรุปประเด็นสำคัญ ๆ เกี่ยวกับ SEP to SDGs ไว้ในบันทึกนี้

๑) อะไรคือ SDGs

SDGs ย่อมาจากคำว่า Sustainable Development Goals แปลว่า เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เว็บไซต์ที่ให้ความหมายและอธิบายได้ดีที่สุดที่หนึ่งคือมูลนิธิมั่นพัฒนา (คลิกที่นี่) SDGs มีทั้งหมด ๑๗ เป้าหมาย กำหนดเป็นวาระ ๑๕ ปีตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๘ - ๒๕๗๓ ต่อเนื่องจากเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals, MDGs)
แต่ละเป้าหมาย มีประเด็นหรือคำสำคัญ ดังนี้ครับ

เป้าหมายที่ ๑) ขยัดความยากจน (No Pro)

  • คนไทยมีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่าเส้นความยากจน อยู่ที่ร้อยละ ๔๒.๓  หรือ ๒๕.๘ ล้านคน ในปี พ.ศ. ๒๕๔๓ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ลดลงเหลือร้อยละ ๗.๒ หรือ ๔.๘ ล้านค้น โดยแบ่งเป็นชายหญิงพอ ๆ กัน ที่ร้อยละ ๓๘ ที่เหลือร้อยละ ๒๔ เป็นเด็ก
  • การดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาความยากจน ที่รัฐบาลนำเสนอต่อ UN คือ 
    • โครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ๘๗๘ แห่ง 
    • โครงการลงทะเบียนเพื่อช่วยเหลือคนมีรายได้น้อยกว่า ๑๐๐,๐๐๐ บาทต่อไป ซึ่ง ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ มีผู้ลงทะเบียน ๗.๕ ล้านคน (รวมผู้มีรายได้เหนือกว่าเส้นยากจนเล็กน้อยด้วย) โดยโอนเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ (สู่บัตรคนจน) จำนวนถึง ๑๗,๔๖๙ ล้านบาท  จำนวนเงินที่ให้ เช่น รายได้น้อยและไร้ที่พึ่ง ๓,๐๐๐ บาท ต่อครอบครัว ฯลฯ
    • โครงการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน (Social Enterprise) 
    • เลี้ยงดูเด็กแรกเกิดจนถึง ๓ ปี คนละ ๖๐๐ บาทต่อเดือน 
    • เลี้ยงดูคนพิการและทุพพลภาพ ในลักษณะเบี้ยยังชีพ ๘๐๐ บาทต่อเดือน จำนวน ๑.๖๗ ล้านคน
    • ผู้สูงอายุ ๖๐ ปีขึ้นไป ให้แบบขั้นบันได  จำนวน ๗.๓๔ ล้านคน
  • มีสวัสดีการพื้นฐานแต่ดประชาชนทุกคน ดังนี้ 
    • มีบริการทางสาธารณสุข ร้อยละ ๙๙.๘๗ คน
    • ไฟฟ้าเข้าถึง ร้อยละ ๑๐๐ คน 
    • น้ำบริโภค ร้อยละ ๙๙.๓ คน 
    • มีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือร้อยละ ๗๙.๓ คน ของประชากรตั้งแต่ ๖ ปีขึ้นไป 
    • มีครัวเรือนเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ร้อยละ ๕๙.๘ คน 
เป้าหมายที่ ๒) ขจัดความอดอยาก สร้างความมั่นคงทางอาหาร ยกระดับโภชนาการ และส่งเสริมเสริมเกษตรกรรมที่ยั่งยืน


  • ตามข้อมูลขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FQA) บอกว่า คนไทยที่อยู่ในภาวะทุพโภชนาการลดลงจากร้อยละ ๓๔.๖ หรือ ๑๙.๘ ล้านคนในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ เหลือร้อยละ ๗.๔ หรือประมาณ ๕ ล้านคนในปี พ.ศ. ๒๕๕๙.... (ความจริงประเทศเราไม่ควรเกินร้อยละ ๒)
  • ความชุกของคนเตี้ยแคระแกรน อยู่ที่ร้อยละ ๑๑.๙ ในปี ๒๕๔๘ ลดลงเป็น ร้อยละ ๑๐.๕ ในปี ๒๕๕๙
  • ความชุกของคนผอมเพิ่มจากร้อยละ ๔.๑ ในปี ๒๕๔๘ เป็นร้อยละ ๕.๔ ในปี ๒๕๕๙
  • ความชุกของคนอ้วนเพิ่มจากร้อยละ ๖.๙ ในปี ๒๕๔๘ เป็นร้อยละ ๘.๒ ในปี ๒๕๕๙
  • สิ่งที่รัฐบาลทำที่ผ่านมา คือ
    • ทำ พ.ร.บ. ควบคุมกรส่งเสริมตลาดอาหารทารกและเด็กเล็ก 
  • สิ่งที่จะทำ
    • โครงการเกษตรอินทรีย์ ส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืน ให้ได้พื้นที่เพิ่มขึ้น ๕ แสนไร่ต่อปี เป็นเวลา ๕ ปี (๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) มีการทำ MOU กับจังหวัดยโสธร เพิ่มจาก ๓๕,๐๐๐ ไร่เป็น ๗๗,๐๐๐ ไร่ ภายใน ๓ ปี 
    • โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่  มีอำเภอที่สมัครใจเข้าร่วม ๘๘๒ รวมทั้งสิ้น ๗๐,๐๐๐ ราย 
เป้าหมายที่ ๓) สร้างหลักประกันการมีสุขภาพดีและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคนในทุกวัย



  • ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ปี ๒๕๕๘ บอกว่า 
    • แม่คลอดลูกแล้วตาย ลูกรอด อยู่ที่ ๒๔.๖๐ คน ต่อ ๑๐๐,๐๐๐ คน 
    • เด็กคลอดตายอยู่ที่ ๓.๕ คนต่อ ๑,๐๐๐ คน และ ที่ตายภายใน ๕ ปีอยู่ที่ ๘.๖ คนต่อ ๑,๐๐๐ คน 
  • ในปี ๒๕๕๙ ข้อมูลจาก WHO (องค์กรอนามัยโลก) บอกว่า
    • ไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่หยุดการแพร่เชื้อ HIV และซิฟิลิสจากแม่สู่ลูกได้สำเร็จ
    • จำนวนผู้ป่วยเอดส์อยู่ที่ ๐.๑๖ คน ต่อ ๑๐๐,๐๐๐ คน เท่านั้น
    • ส่วนโรคไม่ติดต่อ (NCD) เช่น หัวใจ หลอดเลือด มะเร็ง เบาหวาน และโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง อยู่ที่ ๑๖.๑๖ คน ต่อประชากรอายุ ๓๐-๗๐ ปี ๑๐๐,๐๐๐ คน 
    • ปัญหาเรื่องโรคซึมเศร้าของคนอายุ ๑๕ ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้น 
  • ตั้งแต่ปี ๒๕๔๕ เป็นต้นมา ประชากรทุกภาคส่วนมีสิทธิบัตรประกันสุขภาพตามหลักประกันสุขภาพทั่วหน้า 
  • ไทยได้ออก พ.ร.บ. ควบคุมยาสูบ  
    • ผู้ซื้อต้องอายุ ๒๐ ปีขึ้นไป 
    • ห้ามขายในลักษณะจูงใจให้บริโภค
    • จำนวนผู้สูบบุหรี่ที่มีอายุตั้งแต่ ๑๕ ปีขึ้นไป ยังอยู่ที่ร้อยละ ๒๐.๗  ... โฮ่ ยังเยอะนะเนี่ย
  • ปัญหาที่น่าเป็นห่วง 
    • วัยรุ่น ๑๕-๑๙ ตั้งครรภ์ สูงถึง ๔๗.๙ คนต่อ ๑,๐๐๐ คน ในปี ๒๕๕๗ 
    • อุบัตเหตุทางถนน สูงถึง ๒๒.๓ คนต่อ ๑๐๐,๐๐๐ คน ในปี ๒๕๕๘ 
เป้าประสงค์ที่ ๔ สร้างหลักประกันว่า ทุกคนจะมีการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างครอบคลุมและเท่าเทียมและสนับสนุนโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต



  • สิ่งที่ทำมา 
    • โครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุน รับทุนไปแล้วกว่า ๔,๐๐๐ คน  เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ 
    • ร้อยละ ๙๐ คนของ ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๑๒ ปี
    • สถานศึกษาพอเพียงและศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จำนวน ๒๑,๑๘๕ แห่ง 
  • สิ่งที่ต้องทำ (เขาเขียนว่า ท้าทาย)  คือ
    • ยกระดับคุณภาพการศึกษาและการสร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ 
    • จัดการความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น 
เป้าหมายที่ ๕ บรรลุความเสมอภาคระหว่างเพศและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้หญิงและเด็กหญิงทุกคน



  • สตรีมีสัดส่วนด้านแรงงานมากกว่าผู้ชาย คือ ร้อยละ ๖๐ แล้ว 
  • สตรีที่มีฐานะยากจนมีแนวโน้มลดลง อยู่ที่ร้อยละ ๖.๘ ในปี ๒๕๕๘
  • สตรีมีตำแหน่งบริหารในภาคเอกชนสูงถึง ร้อยละ ๓๘ 
  • ผู้หญิงทำงานต่อวันนานกว่าผู้ชาย ๘ ช.ม. ๓๓ นาที ต่อ ๘ ช.ม. ๑๒ นาที
  • รัฐบาลทำอะไรแล้ว
    • พ.ร.บ. ความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่ให้ความคุ้มครองและจัดการปัญหาความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก
  • ปัญหาที่พบ 
    • ปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร  คือสูงถึง ๕๘.๓ ๔๘.๘ และ ๔๗.๙ คน ต่อ ๑,๐๐๐ คน ในปี ๒๕๕๕ ๒๕๕๖ และ ๒๕๕๗ ตามลำดับ
เป้าหมายที่ ๖) สร้างหลักประกันให้มีน้ำใช้ และมีกาบริหารจัดการน้ำและการสุขภิบาลอย่างยั่งยืนสำหรับทุกคน



  • ปี ๒๕๕๗ ประชากรร้อยละ ๙๙.๘๐ มีส้วมถูกสุขลักษณะ  และร้อยละ ๙๙.๔๖ มีน้ำสะอาดบริโภค 
  • ปี ๒๕๕๗ พื้นที่ป่าไม้ของไทย มีประมาร ๑๐๒.๒๘ ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ ๓๑.๖๒ ของพื้นที่ทั้งหมด... กำหนดเป้าหมายการเพิ่มพื้นที่ป่าเป็นร้อยละ ๔๐ ในปี ๒๕๗๓
  •  ปัญหาคือ การจัดการน้ำเสีย ในปี ๒๕๕๘ แหล่งน้ำผิวดินร้อยละ ๒๖ ไม่อยู่ในเกณฑ์พอใช้ ต่อจำนวนแหล่งน้ำผิวดินที่มีการตรวจสอบทั้งหมด 
เป้าหมายที่ ๗) สร้างหลักประกันว่าทุกคนเข้าถึงพลังงานสมัยใหม่ในราคาที่สามารถซื้อหาได้ เชื่อถือได้ และยั่งยืน



  • ในปี ๒๕๕๙ ไทยมีร้อยละการใช้พลังทดแทนอยู่ที่ ร้อยละ ๑๓.๘๓  ตั้งเป้าหมายอยู่ที่ร้อยละ ๓๐ ในปี ๒๕๗๓ 
  • ขณะนี้ได้จัดทำแผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๓ เรียบร้อยแล้ว
  • ในปี ๒๕๕๙ ประเทศไทยมีกำลังไฟฟ้าที่ผลิตได้จากพลังงานแสงอาทิตย์อยู่ที่ ๒,๕๘๒.๐๔ เมกะวัตต์ 
เป้าหมายที่ ๘) ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง ครอบคลุมและยั่งยืน และมีผลิตภาพ และมีการงานที่มีคุณค่าสำหรับทุกคน 



  • ตั้งเป้า GDP อยู่ที่ ๑๓,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี ในปี ๒๕๗๓ 
  • ตั้งเป้าว่า GDP จะโตร้อยละ ๕ ต่อปี 
  • ปี ๒๕๕๙ GDP อยู่ที่ ๖,๐๓๑.๗ ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี 
  • ได้ตั้งเป้าหมายไว้ หลายสาขา ดังนี้ 
    • ภาคเกษตรกรรม ให้เติบโต ร้อยละ ๓.๐ 
    • ภาคอุตสาหกรรม ให้เติบโต ร้อยละ ๔.๐
    • ภาคบริการ ให้เติบโตร้อยละ ๖.๐ 
  • ตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยว ไม่ต่ำกว่า ๓ ล้านล้านบาท 
  • สร้างความเข้มแข็งให้วิสาหกิจขนาดกลางเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔๕ 
  • รัฐบาลได้น้อมนำเอาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตั้งแต่แผน ๙ เป็นต้นมา .....  (แต่เน้น GDP เป็นตามที่ อ.ยักษ์บอก เป็นแบบ Cosmetic Society)
  • รัฐบาลได้ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจนำเอา "มาตรฐานธุรกิจเศรษฐกิจพอเพียง " หรือ Sufficiecy Economy Business Standard หรือ SEBS มาใช้ ซึ่งประกอบด้วย ๗ องค์ประกอบได้แก่ 
    • ภูมิคุ้มกัน
    • ความเพียร
    • ความพอประมาณ
    • ความโอบอ้อมอารี
    • จริยธรรม
    • การพัฒนาภูมิสังคม
    • การคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่หลากหลาย 
เป้าประสงค์ที่ ๙) สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีความต้านทานและยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ครอบคลุมและยั่งยืน และส่งเสริมนวัตกรรม


  • แผน ๒๐ ปี จะมุ่งพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งขอไทยที่ยั่งยืนทุกรูปแบบ ได้แก่ ทางถนน ระบบราง ทางน้ำ และทางอากาศ
  • พัฒนาระบบราง (รถไฟ) ในเมือง ๑๐ เส้นทาง ระยะทางประมาณ ๕๕๐ กิโลเมตร
  • พัฒนาระบบรางระหว่างเมืองทั่วประเทศ คือ ทำรถไฟรางคู่ 
  • ส่วนเมืองใหญ่จะมีการสนับสนุนการเชื่อมต่อด้วยระบบรางความเร็วปานกลางและความเร็วสูง ระหว่างประเทศ
เป้าหมายที่ ๑๐) ลดความไม่เสมอภาคภายในและระหว่างประเทศ



  • กลุ่มประชากรที่มีรายได้ต่ำสุดขึ้นมาร้อยละ ๔๐ มีรายได้เฉลี่ยเพียง ๓,๓๕๓ บาทต่อคนต่อเดือนเท่านั้น ในขณะที่ ในปี ๒๕๕๙
    • คนภาคตะวันออก มีรายได้เฉลี่ย ๔๓๒,๗๑๒ บาท ต่อคนต่อปี หรือ ๓๖,๐๕๙ บาทต่อคนต่อเดือน
    • คนกรุงเทพฯ มีรายได้เฉลี่ย ๔๑๐,๖๑๗ บาท ต่อคนต่อปี หรือ ๓๔,๒๑๘ บาทต่อคนต่อเดือน
    • คนอีสาน มีรายได้เฉลีย ๗๐,๙๐๖ บาท ต่อคนต่อปี หรือ ๕,๘๐๙ บาทต่อคนต่อเดือน 
    • ภาคเหนือ มีรายได้เฉลี่ย ๙๓,๐๕๘ บาท ต่อคนต่อปี หรือ ๗,๗๕๕ บาทต่อคนต่อเดือน
    • ภาคกลาง มีรายได้เฉลี่ย ๒๕๑,๓๙๒ บาท ต่อคนต่อปี หรือ ๒๐,๙๔๙ บาทต่อคนต่อเดือน
    • ภาคใต้ มีรายได้เฉลี่ย ๑๓๐,๙๗๘ บาท ต่อคนต่อปี หรือ ๑๐,๙๑๕ บาทต่อคนต่อเดือน
    • ภาคตะวันตก มีรายได้เฉลี่ย ๑๓๕,๒๖๒ บาทต่อคนต่อปี หรือ ๑๑,๒๗๒ บาทต่อคนต่อเดือน
เป้าหมายที่ ๑๑) ทำให้เมืองและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มีความทั่วถึง ปลอดภัย พร้อมรับการเปลี่ยแปลง และยั่งยืน



  • ขณะนี้ ที่ดินร้อยละ ๖๐ ของไทย อยู่ในกรรมสิทธิ์ของคนร้อยละ ๑๐ 
  • ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ ๑๒  มีแนวทางการพัฒนาเมือง ดังนี้ 
    • ทำผังเมืองให้เชื่อมโยงและยืดหยุ่นต่อภัยพิบัติ มีการจัดทำผังดังนี้ 
      • ผังประเทศ 
      • ผังภาค ๖ ผัง
      • ผังอนุภาค ๑๙ กลุ่ม 
      • ผังจังหวัด ๗๓ จังหวัด 
    • ความมั่นคงในที่ดิน  คือ พัฒนากฏหมายการยึดครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน เช่น
      • พ.ร.บ. ภาษีที่ดิน ในอัตราก้าวหน้า
    • ความมั่นคงในที่อยู่อาศัย  
      • ในปี ๒๕๕๘ คนไทยมีอยู่ ๒๑.๓ ล้าน ครัวเรือน  มีครัวเรือนที่ยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองอยู่ ๕.๘๗ ล้านครัวเรือน 
      • กลุ่มชุมชนบุกรุก คนไร้บ้าน ชุมชนแออัด ผู้มีรายได้น้อย เป็นจำนน ๑.๗๐๗,๔๓๗ ครัวเรือน 
    • ความร่วมมือระหว่างรัฐเอกชน ... จะทำ SMART CITY  ... (เทเงินไปที่ลูกคนโตอีกแล้ว)
    • การบริหารจัดการความเสี่ยงจาภัยพิบัติ 
    • เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับหน่วยงานท้องถิ่น ปรับโครงสร้างภาษาที่ดินและโรงเรือน ให้ท้องถิ่นจัดเก็บรายได้ของตนเอง 
เป้าหมายที่ ๑๒) สร้างหลักประกันให้มีรูปแบบการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน 



  • ส่งเสริมให้ภาคเอกชนและประชาชนมีส่วนร่วมในการผลิตที่ยั่งยืน โดยส่งเสริมการติดฉลากเพื่อสิ่งแวดล้อม เช่น 
    • ฉลากเขียว 
    • ฉลากคาร์บอน 
    • สำนักงานสีเขียว
    • ฯลฯ 
  • ส่งเสริมอุตสหรรมสีเขียว (Green Industry) 
  • โครงการจัดซื้อสินค้าและบริการเพื่อสิ่งแวดล้อม 
  • โครงการเมืองน่าอยู่ 
เป้าหมายที่ ๑๓) ดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงภาพภูมิอากาศและผลกระทบ 



  • ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในลำดับที่ ๑๒ ของโลก ที่เสียงต่อการเปลี่่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ 
  • ในแผนประเทศ มีบทรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแล้ว พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๙๓
  • มีการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมนานาชาติด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ เพื่อพัฒนา เผยแพร่ และสร้างความตระหนักเกี่ยวกับปัญหาการเปลียนแปลงภูมิอากาศ 
  • มีความร่วมมือกันระหว่างองค์กรบริหารจัดการก๊าฐเรือนกระจกทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยเฉพาะ องค์ JICA ของญี่ปุ่น 

เป้าหมายที่ ๑๔) อนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน 



  • ประเทศไทยมีชายฝั่งทะเลยาวถึง ๓,๑๔๘ กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ถึง ๒๓ จังหวัด 
  • ประเทศไทยประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงมากในการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลน 
  • แต่ปัญหาที่ไม่สามารถบรรลุเป้าของ MDGs คือ การอนุรักษ์ความหลากหลายของสัตว์น้ำ
  • ปัญหาน้ำกัดเซาะ ถึง ๘๓๐ กิโลเมตร
  • แนวปะการังร้อยละ ๘๐ อยู่ในภาพเสียหายถึงเสียหายมาก 
  • สัตว์ทะเลหายาก เช่น พะยูน เต่าทะเล โลมา และปลาวาฬ ร้อยละ ๔๐ มีแนวโน้มเข้ามาเกยตื้นมากขึ้น
  • ปัญหาการใช้ทะเลที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เกษตรกรรม อุตสาหกรรม การตั้งถิ่นฐาน การประมง การท่องเที่ยว ทำให้เกิดมลภาวะทางน้ำและขยะทะเล 
เป้าหมายที่ ๑๕) ปกป้องฟื้นฟูและส่งเสริมการใช้ระบบนิเวศบนบกอย่างยั่งยืน การบริหารจัดการป่าไม้ที่ยั่งยืน การต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย หยุดยั้งการเสื่อมโทรมของดิน และหยุดยั้งความสูญเสียทางชีวภาพ 



  • ในปี ๒๕๐๔ ประเทศไทยมีป่าไม้ ๑๗๑ ล้านไร่  คิดเป็นร้อยละ ๕๓.๓ ของพื้นที่ประเทศไทย 
  • ในปี ๒๕๕๗ ประเทศไทยเหลือป่าเพียง ๑๐๒.๓ ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ ๓๑.๖ ของพื้นที่ประเทศไทย เท่านั้น 
  • รัฐบาลตั้งเป้าเพิ่มจำนวนป่าไม้เป็นร้อยละ ๔๐ ในปี ๒๕๖๔ วิธีการคือ 
    • ปลูกป่าเพิ่ม  ในเขตพื้นที่ของรัฐ โดยปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ ปลูกในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ส่งเสริมให้มีการปลูกป่าเศรษฐกิจ  ส่งเสริมการจัดตั้งป่าชุมชน 
    • ปรับปรุง พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙
    • สนับสนุนกลไกทางการเงินเพื่อการปลูกป่า เช่น 
      • การออกพันธบัตรป่าไม้
      • ธนาคารต้นไม้
      • กองทุนส่งเสริมการปลูกป่า
    • การส่งเสริมการทำวิจัยและพัฒนาการปลูกพืชแซมในสวนป่า
    • การทำวนเกษตร
  • ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ระดับชนิดพันธุ์ และพันธุกรรมระดับสูง โดยมีพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพื่อพิทักษ์ความหลากหลายถึง ๗๓ ล้านไร่ 
  • ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ตั้งแต่ปี ๒๕๒๖  และประกาศ พ.ร.บ. ป่าสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า มาตั้งแต่ ๒๕๓๕ 
  •  ประเทศไทยเก่งเรื่องการเลี้ยงช้าง การอนุรักษ์ช้าง การป้องกันการรอบค้าช้าง มีการจัดทำระบบระเบียนข้อมูลช้าง 
เป้าหมายที่ ๑๖) ส่งเสริมสังคมทีสงบสุขและครอบคลุม ที่เอื้ัอต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ให้ทุกคนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม และสร้างสถาบันที่มีประสิทธิภาพ มีความรับผิดชอบ และทุกคนสามารถเข้าถึงในทุกระดับ



  • มีกรอบการป้องกันอาญชญากรรม ได้แก่
    • สร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย
    • สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน
    • ลดอัตราการทำผิดซ้ำ 
    • เฝ้าระวังกลุ่มเสียง
    • ลดโอกาสการตกเป็นเหยื่อ 
  • ประเด็นอื่นๆ ไม่ได้กล่าวถึงมากนัก ... เราท่านก็พอรู้ว่า เรากำลังทะเลาะกันอยู่เลย 
เป้าหมายที่ ๑๗) เสริมสร้างความเข็งแกร่งของกลไกการดำเนินงานและฟื้นฟูหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน



  • ประเทศไทยมีความตกลงคุ้มครองการลงทุนแล้วกับ ๔๔ ประเทศ  เป็นประเทศที่
    • กำลังพัฒนา ๒๑ ประเทศ 
    • ประเทศพัฒนาน้อย ๔ ประเทศ
  • ประเทศไทยกำลังขับเคลื่อน SEP for SDGs Partnership และผลักดันให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาที่ยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในกรอบพหุภาคีต่างๆ  
  • ปัจจุบัน ไทยมีความร่วมมือ SEP for SDGs Partnership แล้ว ๑๐ ประเทศ ในกรอบความร่วมมือ ใต้-ใต้ และไตรภาคี และยังมีประเทศที่กำลังพัฒนาอีก ๑๕ ประเทศ ที่แสดงความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานการประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (Sustainable Community Development Model based on the Application of the Philosophy of Sufficiency Economy) 
ผมสรุปมาถึงตรงนี้... รู้สึกภาคภูมิใจเหลือเกินที่ได้เกิดเป็นคนไทย ได้พบพระธรรมและคำสอนเรื่องหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง .... ขอจบอย่างมีความสุข ตรงนี้ครับ